[Review] 私たちが星座を盗んだ理由

 

     สวัสดีค่า กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวหนังสือนิยายภาษาญี่ปุ่นที่ช่วงนี้ห่างหายไปพักใหญ่ด้วยภารกิจอะไรหลายๆ อย่าง ตอนแรกจริงๆ ตั้งใจว่าเดือนนึงจะอ่านให้ได้เยอะกว่านี้นะคะ แต่ด้วยอะไรหลายอย่างเลยไม่ได้ทำอย่างที่ต้องการสักที แต่ก็จะพยายามอ่านให้เยอะขึ้นเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวยค่ะ


     สำหรับเล่มในคราวนี้เป็นหนังสือที่เราเล็งเอาไว้ในคินเดิลมาพักใหญ่มากค่ะ ลังเลอยู่หลายรอบแล้วว่าจะกดมาอ่านดีไหม จนในที่สุดก็ถึงคิวลง Kindle Unlimited เหมือนกับเล่มก่อนหน้า ก็เลยไม่รอช้า รีบกดมาอ่านก่อนที่จะออกจากโปรแกรมไปเสียก่อน สำหรับเล่มนี้จะเป็นรวมเรื่องสั้นหักมุม 5 เรื่องค่ะ


(ภาพจาก Amazon)

ชื่อเรื่อง : 私たちが星座を盗んだ理由 (Watashitachi ga Seiza wo Nusunda Riyuu)
ผู้เขียน : 北山 猛邦 (Kitayama Takekuni)
สำนักพิมพ์ : 講談社文庫 (Kodansha Bunko)
จำนวนหน้า : 289 หน้า
ราคา : 847 เยน 


恋煩い (คลั่งรัก) 


     ในกลุ่มเพื่อนสนิทม.ปลาย 3 คน มีผู้หญิง 2 คนคืออากิและโทโกะ และผู้ชายหนึ่งคนคือจุนซึ่งสนิทกันมาแต่ประถม อากิแอบหลงรักรุ่นพี่คนหนึ่งข้างเดียวที่เจอทุกวันบนชานชาลาสถานีรถไฟฝั่งตรงข้ามอยู่แบบไม่บอกใครมาพักหนึ่งแล้ว วันหนึ่ง โทโกะได้บอกว่ามีเวทมนตร์ลับทำให้รักสมหวังได้อยู่แก่อากิ ตอนแรกอากิก็ไม่ได้เชื่ออะไรที่โทโกะบอกแต่ก็แอบลองไปทำตามดูจนมีโอกาสได้รู้ชื่อและพูดคุยกับรุ่นพี่ที่แอบชอบจริงๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอากิกับรุ่นพี่ก็ไปไม่ถึงไหน
     อีกทางหนึ่ง จุน เพื่อนสนิทอีกคนก็เคยสารภาพรักกับอากิก่อนหน้านี้เช่นกัน แต่อากิมองจุนเป็นเหมือนเพื่อนและพี่ชายที่คอยปกป้องตัวเองมากกว่า ทั้งยังมองว่าจุนน่าจะเหมาะกับโทโกะมากกว่าด้วยจึงไม่เคยให้คำตอบกับจุน แต่ท่าทีและความใส่ใจของจุนที่มีต่ออากิก็ยังเป็นเช่นเดิมทำให้กลุ่ม 3 คนยังคงดำรงอยู่ได้เช่นเดิม
     เมื่อเคล็ดลับแรกที่ลองไปได้สวย อากิที่ได้ยินข่าวลือเคล็ดลับทั้งหลายจากเพื่อนในห้องจึงแอบเอาเคล็ดลับเหล่านั้นไปลองทำตามอีกหลายอย่างโดยไม่บอกให้ใครรู้ แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อวันหนึ่งจุนจับได้ว่าอากิแอบไปลองเคล็ดลับพวกนี้ อากิจึงยอมสารภาพว่าตัวเองมีรุ่นพี่ที่แอบชอบอยู่และขอร้องว่าอย่าบอกใคร จุนจึงขอร้องอากิว่าตัวเองจะให้ความร่วมมือช่วยสืบเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นให้ แต่ขอให้อากิอย่าไปทำตามเคล็ดลับที่ได้ยินมาอีก แต่ด้วยความชอบที่บังตารวมถึงเวลาที่เหลือน้อยลงทุกทีเพราะรุ่นพี่ใกล้จบการศึกษาแล้ว ทำให้อากิแอบไปทำตามเคล็ดลับพวกนี้อีกจนได้...


妖精の学校 (โรงเรียนภูต) 

     เด็กชายคนหนึ่งลืมตาตื่นขึ้นในห้องพยาบาลที่ไม่คุ้นชิน เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ทำไมถึงอยู่ที่นี่ กระทั่งชื่อตัวเองก็จำไม่ได้ เมื่อพยายามจะนึกก็มีแค่อาการปวดหัวที่เล่นงาน แต่แล้วก็มีเด็กผู้ชายอีกคนเข้ามาแนะนำตัวกับเขาว่าตัวเองชื่อ อุมิเนโกะ เป็นหัวหน้านักเรียน และที่นี่คือโรงเรียนภูติซึ่งเป็นสถานที่ที่เด็กจะได้เติบโตกลายเป็นภูตแทนการเป็นผู้ใหญ่ และมีชีวิตนิรันดร์ไม่แก่ขึ้นบนเกาะทรงกลมแห่งนี้โดยต้องทิ้งตัวตนเดิมและชื่อเดิมไปเสีย อย่าพยายามนึกให้ออก ส่วนเด็กชายได้ชื่อใหม่ว่า ฮิบาริ และได้เริ่มชีวิตใหม่ในโรงเรียนภูตแห่งนี้
      ที่นี่มีข้อห้ามเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป แต่มีกฎข้อหนึ่งที่ห้ามฝ่าฝืน นั่นคือห้ามเข้าใกล้ "หลุม" เด็ดขาด หลุมที่ว่าคือหลุมใหญ่ซึ่งอยู่ในเขตที่พวกอาจารย์และพ่อมด ซึ่งเป็นกลุ่มคนแปลกๆ ที่ถือไม้เท้าเดินไปเดินมาอยู่ในในบริเวณเกาะและโรงเรียนอาศัยอยู่ ในตอนแรกฮิบาริเองไม่ได้ติดใจอะไรกับกฎข้อห้ามทั้งหลาย เรื่องที่ติดใจมีแค่เศษเสี้ยวความทรงจำที่ตัวเองเคยเป็นเด็กขี้แยในบ่อทรายเท่านั้น
      เด็กๆ ทุกคนในโรงเรียนภูตจะต้องทำงานโดยมีสิทธิ์เลือกงานที่ตัวเองชอบได้ อุมิเนโกะจึงพาฮิบาริไปดูงานต่างๆ ที่สามารถเข้าไปทำได้ จนกระทั่งมาถึงห้องสมุดและได้พบกับคุอินะ เด็กชายอีกคนที่ชอบแหกกฎและไม่ค่อยถูกกับอุมิเนโกะสักเท่าไหร่นัก คุอินะไม่พอใจเกาะนี้ อยากหนีออกไปและคิดว่าหนทางที่จะออกจากเกาะแห่งนี้ได้อาจจะต้องไปที่ "หลุม" แห่งนั้น และความพยายามของคุอินะนี่เองที่จุดประกายความสงสัยหลายๆ อย่างให้ฮิบาริ

嘘つき紳士 (สุภาพบุรุษจอมโกหก)


     ตัวเอกเป็นลูซเซอร์ที่มีหนี้สินจากการทำธุรกิจล้มเหลว แต่แล้ววันหนึ่ง จู่ๆ เขาก็เก็บมือถือที่มีคนทำหล่นเอาไว้ได้ ข้อมูลมือถือระบุว่าเจ้าของคือชิราอิ ยูกิ ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา และข้อความในมือถือนั้นเขาก็ติดต่อกับผู้หญิงชื่อ "เคียวโกะ" ซึ่งน่าจะเป็นแฟนสาวที่เป็นรักทางไกลอยู่ ตอนแรกเขาจึงตั้งใจว่าจะหลอกเอาเงินจากเคียวโกะที่ยังไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มทำมือถือหายแล้วรีบชิ่งก่อนที่เจ้าของมือถือจะรู้ตัวและระงับบริการทิ้ง แต่น่าแปลกใจที่แม้เวลาจะผ่านไปสักพักแล้วแต่มือถือก็ยังใช้ได้ปกติ จนกระทั่งได้รู้ข่าวว่าชิราอิ ยูกิ เจ้าของมือถือนั้นเพิ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวันนั้นเอง
      ตอนแรกตัวเอกที่คิดว่าจะรีบหลอกแล้วรีบทำลายหลักฐานจึงเปลี่ยนใจ ในเมื่อเจ้าของมือถือไม่อยู่แล้วและแฟนสาวของผู้ตายเองก็ดูท่าว่าจะยังไม่รู้ข่าวนี้ จึงตัดสินใจจะสวมรอยเป็นแฟนหนุ่มของเธอไปสักพักเพื่อหลอกเอาเงินก้อนก่อนมือถือจะถูกระงับการให้บริการเนื่องจากไม่ได้ชำระค่าบริการ แต่ทว่า ยิ่งเขาได้คุยกับเคียวโกะมากเท่าไหร่ เขากลับรู้สึกชอบเคียวโกะขึ้นมาจริงๆ แทน...

終の童話 (เทพนิยายแห่งจุดจบ) 


     กาลครั้งหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาที่ห่างไกลมีประชากรอยู่ไม่ถึง 100 คน วีมี่กับเอลิน่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น วีมี่อายุน้อยกว่าเอลิน่า 15 ปี เมื่อพ่อของวีมี่ออกเดินทางไปเมืองหลวง เอลิน่าจะคอยมาดูแลวีมี่ให้ทั้งยังใจดีกับวีมี่มาก วีมี่รักเอลิน่า มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุข จนกระทั้งวันหนึ่ง "อิชิกุย" ปีศาจที่ทำให้คนกลายเป็นหินเพื่อกินได้เข้ามายังหมู่บ้านและออกอาละวาดทุกคืน มีชาวบ้านที่กลายเป็นหินไปหลายคนรวมถึงพี่ชายของเอลิน่าด้วย
      ชาวบ้านพยายามหาทางปราบอิชิกุยลงจนสำเร็จ แต่ก็มีชาวบ้านเป็นหินเพิ่มอีกหลายคนรวมถึงเอลิน่าที่พยายามถ่วงเวลาให้วีมี่หนีได้สำเร็จด้วย ทุกคนในหมู่บ้านตกอยู่ในความโศกเศร้า ในส่วนของรูปปั้นหินนั้นหลายคนพยายามที่จะเคลื่อนย้าย แต่รูปปั้นหินทุกตัวถูกตรึงอยู่กับพื้นแน่นจนขยับไม่ได้ สุดท้ายชาวบ้านจึงต้องปล่อยรูปปั้นหินเอาไว้ในสภาพเดิม รวมถึงเอลิน่าที่อยู่ในป่าด้วย วิมี่ที่โศกเศร้าจากการสูญเสียเอลิน่าไปจึงเข้าป่าไปคอยเฝ้ารูปปั้นเอลิน่าทุกวันด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งเอลิน่าจะได้กลับมาเป็นมนุษย์เช่นเดิมอีกครั้ง
      เวลาผ่านไป 11 ปี วันหนึ่งมีชาวตะวันตกไม่คุ้นหน้าเดินทางมายังหมู่บ้านและช่วยรักษาลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านจนหายจากอาการเป็นหินได้สำเร็จ ชาวบ้านจึงมีความหวังและไปขอร้องให้คนผู้นั้นช่วยรักษาคนที่ตนรักให้หายจากการเป็นหินด้วย แต่ด้วยจำนวนรูปปั้นหินที่มีมากและการเตรียมตัวเพื่อทำพิธีนั้นยุ่งยากและใช้เวลานาน หัวหน้าหมู่บ้านจึงให้จับฉลากลำดับการรักษา ไม่เว้นแม้แต่วิมี่ด้วย
      แต่ทว่า แม้จะมีหนทางรักษาแล้ว แต่จู่ๆ รูปปั้นหินหลายตัวที่อยู่ในคิวการรักษากลับถูกทำลายลงด้วยฝีมือของใครสักคน...

私たちが星座を盗んだ理由 (เหตุผลที่พวกเราขโมยกลุ่มดาว) 

     ฮิเมโกะ พยาบาลสาวได้พบกับพี่ยู พี่ชายบ้านใกล้เคียงที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของมาริ พี่สาวของเธอ โดยในสมัยเด็กนั้น ทั้งเธอ พี่ยู และพี่มาริจะเล่นด้วยกันเสมอ แต่มาริร่างกายอ่อนแอ ต้องเข้าโรงพยาบาลระยะยาว ฮิเมโกะและพี่ยูจึงมักไปเยี่ยมมาริที่โรงพยาบาลด้วยกันเสมอ พี่ยูรอบรู้เรื่องดวงดาวและเคยเล่าให้ฟังว่ามี "กลุ่มดาวสร้อยคอ" อยู่
     ตัวพี่ยูนั้นใส่ใจมาริมาก และมาริเองก็ดูสดใสเวลาที่ได้อยู่กับพี่ยู ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรพี่ยูก็ดูจะเอาใจใส่มาริมากที่สุดทุกครั้ง ทำให้ตัวฮิเมโกะรู้สึกน้อยใจว่าทั้งที่ตัวเองแข็งแรงและอยู่กับพี่ยูมากกว่ามาริแท้ๆ แต่ทำไมพี่ยูถึงไม่สนใจตัวเองเท่ากับมาริ ฤดูร้อนปีนั้น จู่ๆ พี่ยูก็พูดกับฮิเมโกะว่า เขาคิดจะให้ของขวัญกับมาริ โดยเขาจะขโมยกลุ่มดาวสร้อยคอลงมาเป็นของขวัญให้แก่มาริในวันทานาบาตะ และพี่ยูก็ทำได้จริงๆ มีสร้อยคออยู่ในมือพี่ยูและกลุ่มดาวสร้อยคอก็หายไปจากท้องฟ้า แต่พี่ยูกลับไม่มีโอกาสได้มอบสร้อยคอนั้นให้แก่มาริเพราะมาริอาการทรุดลงกระทันหันในคืนก่อนวันทานาบาตะและจากไปโดยที่พี่ยูไม่มีโอกาสได้มอบสร้อยคอให้อย่างที่ตั้งใจ
     จากนั้น ฮิเมโกะกับพี่ยูก็ห่างเหินกันไป พี่ยูเข้ามัธยมต้นและมัธยมปลายคนละที่ และจากบ้านเกิดไปเรียนมหาวิทยาลัยที่โตเกียว ส่วนฮิเมโกะก็เข้าเรียนโรงเรียนพยาบาลในบ้านเกิดและทำงานในโรงพยาบาลเดิมนั่นเอง แต่ฮิเมโกะเองก็ยังติดใจอยู่ว่าพี่ยูทำให้กลุ่มดาวบนท้องฟ้าหายไปในคืนนั้นได้อย่างไร รวมถึงคำพูดสุดท้ายของพี่สาวก่อนที่เธอจะจากไปด้วย เมื่อฮิเมโกะได้กลับมาพบกับพี่ยูอีกครั้ง ฮิเมโกะจึงตัดสินใจถามพี่ยูเกี่ยวกับกลุ่มดาวที่หายไปในคืนนั้นที่เธอติดใจมาตลอด 20 ปี


     
     พอได้อ่านสมความตั้งใจแล้วเราพูดได้คำเดียวว่า "สนุก!" คือส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องสั้นหักมุมอยู่แล้วด้วย เลยรู้สีกว่าเล่มนี้เป็นหักมุมที่ดีเล่มนึงเลย รู้สึกคิดถูกที่เคยหมายตาเล่มนี้เอาไว้แต่แรกเพราะเป็นแนวที่ชอบจริงๆ อาจจะไม่ได้หักแบบหงายหลังตกเก้าอี้ 180 องศาอะไรแบบนั้น แต่เป็นหักมุมที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่า "อะ โดนเล่นละ" ได้อยู่เหมือนกัน บางอย่างเหมือนจะเดาถูก แต่พออ่านไปก็จะเขวว่าแล้วตกลงเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่จนโดนหลอก บางเรื่องตอนจบอาจจะต้องค้นข้อมูลเพิ่มสักนิดเพราะค่อนข้างจะคลุมเครือ แต่พอหาข้อมูลแล้วก็จะเข้าใจเรื่องและตีความได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

     เรื่องภาษา ไม่ได้อ่านยากแต่ก็ไม่ได้อ่านง่าย แต่เรื่องอ่านเพลินนี่เพลินมากค่ะ แบบพอเริ่มอ่านแล้วจะไม่ค่อยอยากผละไปทำอย่างอื่นเท่าไหร่ อาจมีบางจังหวะที่เรื่องจะเนือยนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่ากระชับและให้ข้อมูลรายละเอียดที่มากพอจะชักจูงเราให้อินไปกับเนื้อเรื่องได้ไม่ยากเลย


     แล้วพบกันใหม่ในรีวิวเล่มหน้าค่ะ


Post a Comment

0 Comments