[TRANS] Morning Musume 20th Anniversary Special Interview in Weekly Playboy


     สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งกับแปลบทสัมภาษณ์ ช่วงนี้จะเห็นได้ว่าเราเริ่มแปลของมอร์นิ่ง มุสุเมะเยอะขึ้น หลักๆคือตอนนี้วงครบรอบ 20 ปีแล้วค่ะ ทำให้บทสัมภาษณ์ต่างๆที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย 

     มอร์นิ่ง มุสุเมะนี่เรียกได้ว่าเป็นวงรุ่นใหญ่ที่อยู่มานานในวงการไอดอล ถึงสมาชิกจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆก็ตาม แต่เจตนารมณ์หรือความรู้สึกของสมาชิกก็ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นมาตลอด ในฐานะที่วงนี้เป็นวงที่ชักนำเราเข้าสู่วงการการตามศิลปินญี่ปุ่นแบบเต็มตัวมาจนถึงปัจจุบัน เป็นแรงบันดาลใจในชีวิตหลายๆอย่างมาตลอด อย่างน้อยก็ขอทำอะไรเท่าที่ทำได้ก็แล้วกันนะคะ



     สำหรับคราวนี้เป็นบทสัมภาษณ์ที่ลงในนิตยสาร Weekly Playboy ค่ะ ซึ่งเล่มนี้คิโนะฯไม่รับสั่ง แต่ก็เข้าใจได้เพราะสั่งมาดูข้างในแล้วมันอู้หูอ้าหามาก =.,= อีกประเด็นคือเล่มนี้คามิโอชิของเรา (นีกาคิ ริสะ) ให้สัมภาษณ์ด้วยค่ะ มีทั้งรุ่น OG และรุ่นปัจจุบันเลย ซึ่งรูปด้านบนเป็นรูปของรุ่นปัจจุบันบางส่วนที่ลงในเล่มนี้ แต่ที่เราแปลจะเป็นในส่วนของ OG ที่มาเล่าเรื่องสมัยอยู่ในวง ในหัวข้อ “มอร์นิ่งในวันวาน (あの頃...モーニング。)” มีทั้งหมด 3 พาร์ท ซึ่งเราได้ลงไว้ที่เพจ Hello Pro Moment ด้วย แต่ในบล็อกส่วนตัวอันนี้ เราจะรวมทุกพาร์ทมาไว้เป็นอันเดียวกันค่ะ

     เช่นเคย เราอาจไม่ได้แปลเป๊ะมาก เน้นความเข้าใจและอ่านง่ายเป็นสำคัญ ถ้ามีผิดพลาดประการใดก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ




*ห้ามนำบทแปลทั้งจากในนี้และ Hello Pro Moments ไปโพสต์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต*

 Part 1 : Yasuda Kei & Yaguchi Mari



ในตอนนั้นไม่ว่าใครต่างก็ไม่ซ่อนความรู้สึกเป็นคู่แข่งเอาไว้



--- การสนทนาพิเศษนี้ คู่แรกคือยากุจิซังและยาสุดะซัง ที่จริงแล้วเห็นว่าเมื่อวานทั้งสองคนไปทานข้าวด้วยกันสินะ (หัวเราะ)
ยากุจิ : มีอดีตเมเนเจอร์ด้วยค่ะ ตอนนี้สนิทกันดี แต่ตอนอยู่ในวงนี่ไม่เคยคิดจะไปทานข้าวกับเมเนเจอร์เลยค่ะ
ยาสุดะ : เพราะในตอนนั้นเข้มงวดถึงขนาดที่ฉันโดนบอกว่า “เธอนี่คืออันดับ 8 ในบรรดา 8 คนเลย!”
ยากุจิ : โหดร้าย! (หัวเราะ) แบบหลังจากออกรายการเพลงก็โดนเทศน์ในส่วนของการพูดคุยอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงน่ะเนอะ

--- เพราะเป็นมอร์นิ่ง มุสุเมะที่สตาฟฟ์เองก็ร่วมแรงร่วมใจสร้างขึ้นมาด้วยกันนี่นะ
ยาสุดะ :
จริงค่ะ
ยากุจิ : ตอนนั้นกฎก็เข้มงวดมากเลยเนอะ ห้ามใส่มินิสเกิร์ต ห้ามย้อมผมด้วย แต่งหน้าก็แค่ลงรองพื้นกับใช้ลิปมัน
ยาสุดะ : เคยโดนโกรธเพราะแอบทามาสคาร่าในห้องน้ำด้วย
ยากุจิ : แต่พอโกะโต (มากิ) เข้ามาก็ยอมให้ทำผมทองได้! (หัวเราะ)
ยาสุดะ : ฉันเนี่ย ตอนออดิชั่นใส่คอนแทคเลนส์สีค่ะ ซึงคุซังเลยบอกว่า “ห้ามใส่คอนแทคเลนส์สีเพราะดวงตาจะสะท้อนตัวตนของคนคนนั้นออกมา” แต่ซึงคุซังที่พูดแบบนั้นเองก็ใส่ (หัวเราะ)

--- อยากถามถึงเรื่องสมัยตั้งแต่ที่ได้เข้าวง รวมถึงความทรงจำเหล่านั้นด้วย ว่ากันตามจริงแล้ว ทั้งสองคนนั้นในตอนนั้นให้ภาพของคนที่ยังไม่ผ่านการขัดเกลา…
ยากุจิ : ก็จริงล่ะค่ะ (หัวเราะ) เพราะในการออดิชั่นมีคนที่สวยกว่าอยู่มากมาย
ยาสุดะ : เพราะในบรรดาคนที่เหลืออยู่ในรอบสุดท้ายก็คุยกันว่า “คนนั้นต้องผ่านแน่เลยเนอะ”
ยากุจิ : ใช่ๆๆ
ยาสุดะ : แต่พวกคนที่เราเคยคิดกันนั้นก็ตกรอบ ทำไมถึงมาเลือกพวกเรากันล่ะเนี่ย (หัวเราะ)

--- พอเข้ามาในมอร์นิ่ง มุสุเมะแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่น 1 และรุ่น 2 มึนตึงใส่กันอยู่นี่นะ
ยากุจิ :
สมาชิกดั้งเดิมทั้ง 5 คนที่ได้ยินในรายการว่า “จะมีสมาชิกเพิ่มเข้ามา” นั้นรู้สึกลำบากใจกันน่ะค่ะ เพราะได้เห็นท่าทีแบบนั้นก็เลยค่อนข้างจะกังวล… แต่ก็กล้ากว่าที่คิดค่ะ! (หัวเราะ) จังหวะที่ได้เจอกันนี่สุดๆเลยเนอะ
ยาสุดะ : ใช่ว่าเราจะได้คุยอะไรกันมากมาย… บรรยากาศเหมือนโดนทิ่มแทง
ยากุจิ : ถูกกดดันด้วยออร่าของทั้ง 5 คน ยิ่งเจอแบบนั้น ความสัมพันธ์ของรุ่นเดียวกันทั้ง 3 คนรวมถึง (อิชิอิ) ซายากะเลยยิ่งเหนียวแน่นขึ้นค่ะ มานั่งบ่นกันถึงเรื่องวันนั้นกันในห้องของโรงแรม
ยาสุดะ : ในช่วงนั้นถ้าอยู่คนเดียวอาจถอดใจก็ได้

--- เห็นว่ามีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนาคาซาว่า ยูโกะอยู่เยอะเลยนี่นะ
ยากุจิ : เสียงทักทายน่าจะเบา ก็เลยโดนโกรธว่า “ไม่ทักทายเลยนะ” (หัวเราะ) คำทักทายที่ไม่เข้าหูนี่นับไม่ถ้วนเลยค่ะ แต่เพราะมีความน่ากลัวแบบนั้นทำให้บรรยากาศของวงรวมเข้าด้วยกันได้ค่ะ ฉันว่าดีแล้วที่ยูจัง (นาคาซาว่า) ได้เป็นลีดเดอร์รุ่นแรก

--- ช่วงไหนที่เริ่มเปิดใจกับสมาชิกรุ่นก่อตั้งได้
ยาสุดะ : สาเหตุใหญ่ที่สุดคือ “Furusato” ค่ะ ตอนนั้นอันดับในรายการ “ASAYAN” สั่นคลอน เลยเกิดบรรยากาศว่า “ถ้า ‘Furusato’ ขายไม่ออกนี่แย่แน่!”
ยากุจิ : เพราะคิดไปถึงขั้นว่าจะยุบวงเลยค่ะ (หัวเราะ)
ยาสุดะ : แถม “Furusato” เนี่ย นัจจิ (อาเบะ นัตสึมิ) ร้องคนเดียวแล้วสมาชิกคนอื่นเป็นคอรัสด้วยเลยกระอักกระอ่วนกัน เป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต้องพูดความรู้สึกในใจออกมา โดยให้แสดงความคิดเห็นออกมาแบบไม่เกี่ยวว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องค่ะ  จากตอนนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของเราแข็งแกร่งขึ้นและอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ “LOVE Machine” ฮิตขึ้นมาด้วย

--- ทั้งสองคนมีความรู้สึกเจ็บใจที่ได้เป็นคอรัสหรือเปล่า
ยากุจิ : เจ็บใจค่ะ เพราะรู้สึกว่าทุกคนคือคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นนัจจิหรือยูจังก็ตาม
ยาสุดะ : มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนั้นไม่มีใครที่ “ซ่อนความรู้สึกเป็นคู่แข่ง” เอาไว้เลยค่ะ

--- คือแต่ละคนก็อยากจะสู้กันยิ่งกว่าไอดอลในตอนนี้อีกสินะ
ยากุจิ : ฉันว่าตอนนี้ยิ่งมีวงไอดอลมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเป็นคู่แข่งกับวงอื่นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นค่ะ แต่ว่า ในตอนนั้น นอกจากมอร์นิ่ง มุสุเมะแล้วก็มีวงไอดอลหญิงอยู่น้อย ความรู้สึกที่ว่า “อยากขึ้นไปสูงกว่านี้!” ภายในวงก็เลยรุนแรงน่ะค่ะ

--- แล้วถ้าพูดถึงยูนิต ตอนเดบิวต์ ยากุจิซังได้เข้าทันโปโปะก่อน แต่ที่ได้อันดับหนึ่งโอริกอนก่อนคือพุจจิโมนิของยาสุดะซัง ตรงนั้นมีความรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งกันหรือเปล่า
ยากุจิ : ช่วงนั้นยุ่งมากเลยไม่ได้สนใจเรื่องอันดับเลยค่ะ
ยาสุดะ : ฉันมีความรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งนะ เพราะยากุจิซังที่ผ่านออดิชั่นได้เข้าทันโปโปะ ฉันกับอิชิอิเลยเจ็บใจจนร้องไห้ เพราะอย่างนั้นถึงได้ดีใจตอนที่มีพุจจิโมนิว่า “เพราะมี 3 คน จะให้จำชื่อของฉันเอาไว้!”

--- ยาสุดะซังมีชื่อเสียงขึ้นมาพรวดเดียวจากรายการ “Utaban” สินะ
ยาสุดะ : ใช่ค่ะ! จนถึงตอนนั้นฉันเคยพูดได้แย่มากถึงขนาดที่เมเนเจอร์บอกว่า “ไม่ต้องพูดอีกแล้วนะ!” เลยค่ะ ได้การแกล้งใน “Utaban” ช่วยไว้ ต้องขอบคุณทากะซัง (อิชิบาชิ ทาคาอากิ) กับนาคาอิ (มาซาฮิโระ) ซังอย่างมากเลยค่ะ ในช่วงแรกที่โดนแหย่ก็คิดว่า “จะทำให้เมเนเจอร์ซังชมฉัน!” แต่กลายเป็นว่าเขากังวลว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า?” แทน (หัวเราะ) ทั้งที่ฉันยินดีมากแท้ๆ!
ยากุจิ : “Utaban” เนี่ยเป็นช่วงปฏิวัติเลยค่ะ ตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาก็จริง แต่ในตอนนั้นไม่มีการแกล้งไอดอลถึงขั้นนั้นเลยน่ะค่ะ



เกลียดที่สุดที่เคจังจบการศึกษา!


--- เรื่องที่นึกขึ้นได้จากการพูดคุยกับแฟนในตอนนั้นคือ “ระบบการสอน” ที่ยากุจิซังสอนโยชิซาว่า ฮิโตมิซัง และยาสุดะซังสอนอิชิคาว่า ริกะซัง
ยาสุดะ : เพราะริกะจังพยายามมากเกินจนคิดในแง่ลบ แล้วหลบไปร้องไห้ในที่ทำงาน ฉันเลยมักบอกไปว่า “มาพยายามด้วยกันนะ”
ยากุจิ : ในกรณีของฉันคือเรื่องแผนรายการของมินิโมนิที่ขายได้มากเกินกว่าที่คาดไว้ค่ะ เพราะงั้นเลยได้ดูและซึจิคาโกะ (ซึจิ โนโซมิ และ คาโกะ ไอ) มากกว่าโยชชี่ (โยชิซาว่า) (หัวเราะ) เพราะ(สองคนนี้)เป็นตัวปัญหาระดับสัตว์ประหลาด อย่างแรกเลยคือต้องเริ่มหยุดทั้งสองคนที่วิ่งไปวิ่งมารอบๆ (หัวเราะ)

--- ทั้งสองคนในตอนนั้นสุดยอดจริงๆล่ะนะ (หัวเราะ) จะว่าไป ยากุจิซังยังจำคอนเสิร์ตจบการศึกษาของยาสุดะซังได้หรือเปล่า
ยากุจิ : จำได้ดีขนาดเห็นภาพคอนเสิร์ตในสมองเลยล่ะค่ะ เกลียดที่สุดที่เคจังจบการศึกษา! (หัวเราะ) เพราะอาสุกะจบการศึกษาเร็ว การที่สมาชิกรุ่นเดียวกันที่อยู่ด้วยกันมาตลอดจะหายไปมันเศร้ามาก
ยาสุดะ : ตอนนั้นสนิทกับสมาชิกมากจนคิดว่า “เลิกคิดที่จะออกดีไหมนะ” พอคอนเสิร์ตจบการศึกษาจบ สัมภาษณ์ที่บันทึกใน DVD นี่ตาบวมเป่งจนไม่รู้เลยว่าเป็นใคร (หัวเราะ) ถึงจะรู้สึกว่า “ช่วงเวลา 5 ปีที่อยู่ในวง” มันสั้นก็ตาม แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สุดยอดมากค่ะ

--- ทั้งสองคนมองมอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้อย่างไร
ยาสุดะ : พัฒนาไปมาก “LOVE Machine” ที่พวกเราร้องก็อะเรนจ์ใหม่และแสดงในแบบที่มีแต่พวกเธอในตอนนี้เท่านั้นที่ทำได้ จนคิดว่า “พวกเราเต้นไม่ได้นะ”
ยากุจิ : ใช่ เท่ แต่พวกเธอก็เคยบอกว่า “ลำบากใจที่ไม่มีเอกลักษณ์” ในเวลานั้นฉันเลยแนะนำไปว่า “ตอนนี้เป็นยุคที่ตัวเองสามารถบอกผ่าน SNS ว่ามีความสนใจหรือความสามารถพิเศษอะไรแล้วก็สร้างเอกลักษณ์ขึ้นมาได้นะ”  อย่างมาคิโนะ มาเรียจังเนี่ยค่อยๆออกสื่อในฐานะแฟนของทีม Hokkaido Nippon-Ham Fighters มาตลอดใช่ไหม ถ้าเอาความสามารถพิเศษมาใช้ดึงดูดก็น่าจะถูกเรียกไป “วน” ออกรายการโทรทัศน์ ถ้าใช้โอกาสนั้นในการประชาสัมพันธ์ตัวเองและมอร์นิ่ง มุสุเมะได้ก็น่าจะดี เพราะแค่แปะรูปน่ารักๆก็เหมือนไอดอลวงอื่นน่ะค่ะ

--- ยอดเยี่ยม! ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตอนนี้ก็เกือบ 20 ปีแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังสนิทกันดีนะ
ยากุจิ : ทีมที่จบการศึกษาแล้วมีกรุ๊ปไลน์ OG เลยมารวมตัวกันบ่อยค่ะ
ยาสุดะ : มอร์นิ่ง มุสุเมะ OG เนี่ยสนิทกันขนาดที่ทำให้รู้สึกไม่ดีเลยล่ะ (หัวเราะ) ถึงในตอนนั้นจะรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งกันรุนแรงแค่ไหน แต่ตอนนี้คงไม่มีเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจกันและกันได้ขนาดนี้แล้วล่ะค่ะ เป็นความรู้สึกที่ประหลาดเนอะ แตกต่างจากเพื่อนธรรมดาด้วย
ยากุจิ : น่าจะใกล้เคียงกับพี่น้อง ถึงไม่ได้เจอกันพักนึงแต่ก็มีความรู้สึกว่า “เมื่อวานเราก็อยู่ด้วยกันเนอะ” น่ะค่ะ แค่เนื้อหาในบทสนทนาเปลี่ยนไป แต่สายสัมพันธ์นี้คงไม่หายไป
ยาสุดะ : ถึงตอนแรกจะคุยกันในฐานะไอดอลก็เถอะ
ยากุจิ : แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องแม่บ้านหรือเรื่องความสวยความงาม (หัวเราะ)
ยาสุดะ : พออายุมากขึ้นคงเป็นเรื่องสุขภาพล่ะเนอะ (หัวเราะ)



Part 2 : Takahashi Ai & Niigaki Risa



เคยพยายามสุดชีวิตที่จะไปเข้าแถวจ่ายเงินก่อนรุ่นพี่


--- ทั้งสองคนเข้าร่วมในฐานะสมาชิกรุ่น 5 มีภาพที่ดูสนิทสนมกันจนถูกเรียกว่า “AiGaki” แล้วทั้งสองคนยังจำความรู้สึกแรกที่เจอกันได้หรือเปล่า
นีกาคิ : ตกใจที่ไอจังพูดเหน่อค่ะ! เพราะฉันเองตอนนั้นยังอายุแค่ 12 ปีเลยไม่เคยเจอคนนอกพื้นที่ที่ตัวเองอยู่เลย
ทาคาฮาชิ : ตัวเองก็พยายามพูดภาษามาตรฐานแต่สื่อสารไม่รู้เรื่องเลย เครียดมากเลยค่ะ (หัวเราะ)

--- เวลาค่อนข้างนานนี่ไม่ได้ช่วยแก้เลยสินะ นั่นคือ “คาแรคเตอร์” หรือเปล่า (หัวเราะ)
ทาคาฮาชิ :
ไม่ใช่นะคะ! ฉันอยากแก้เลยเคยไปหาอาจารย์สอนภาษามาตรฐานด้วย!

--- แล้วความประทับใจของทาคาฮาชิซังตอนที่ได้เห็นนีกาคิซังล่ะ?
ทาคาฮาชิ : รู้สึกว่าทั้งหน้าทั้งตัว “เล็กมาก!” ค่ะ แต่ก็มีภาพว่าทั้งที่เด็กที่สุดแต่จริงจังมาก
นีกาคิ : จริงเรอะ! ฉันกังวลมากๆเลยน่ะ คือคนอื่นมีประสบการณ์เคยเรียนร้องเต้นกัน แต่ฉันแค่เข้ามาเพราะชอบมอร์นิ่ง มุสุเมะมาก เลยตามที่ซ้อมไม่ทันเลย...

--- พอพูดถึงเรื่องที่เคยเป็นแฟนมอร์นิ่ง มุสุเมะสมัยก่อน อาเบะ นัตสึมิซังเคยบอกว่า “สมัยก่อน กาคิซังเคยเอาการ์ดสมาชิกมอร์นิ่ง มุสุเมะที่สะสมไว้มาให้ดู”
นีกาคิ : อ๊า เคยล่ะค่ะ พอฉันเอาแฟ้มที่ใส่การ์ดไว้เยอะๆไปให้ดูว่า “ถ้าสนใจก็ช่วยดูอันนี้ด้วยนะคะ…” (อาเบะ นัตสึมิ) ก็บอกมาว่า “อ๊ะ อันนี้ของที่ห้ามซื้อนะ เพราะไม่มีโลโก้ของอัพฟร้อนอยู่นะ”
ทาคาฮาชิ : รูปที่ไม่ใช่ของออฟฟิศเชียลสินะ! (หัวเราะ)
นีกาคิ : เพราะไม่รู้ไง! ตอนนั้นยังเด็กอยู่ด้วย!!

--- (หัวเราะ) มอร์นิ่ง มุสุเมะตอนที่ทั้งสองเข้าร่วมนั้นมีบรรยากาศอย่างไร
ทาคาฮาชิ :
เข้มงวดค่ะ อย่างห้ามพูดกับรุ่นพี่ว่า “พยายามเข้านะคะ”
นีกาคิ : มีแบบนั้นด้วยนี่เนอะ~
ทาคาฮาชิ : ตอนที่พวกเราเพิ่งจะเข้ามาและยังขึ้นไลฟ์ไม่ได้ พอบอกรุ่นพี่ที่หันเข้าเวทีไปว่า “พยายามเข้านะคะ” ก็โดนโกรธว่า “แหงอยู่แล้วล่ะที่ต้องพยายาม”

--- จะว่าไป ใครกัน…?
ทาคาฮาชิ : ยาสุดะ (เคย์) ซังค่ะ แต่ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า “เพราะเป็นสมาชิกเหมือนกันแล้วเลยพูดแบบนั้นไม่ได้”
นีกาคิ : แล้วก็กลัวเมเนเจอร์ซังมากค่ะ! พอทุกคนไปร้านสะดวกซื้อกันก็โดนโกรธว่า “ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาลำบากเพราะสมาชิกใหม่! รีบๆเลือกให้เร็วที่สุด”
ทาคาฮาชิ : วันที่รุ่นพี่ไปต่อแถวจ่ายเงินก่อนนี่ค่อนข้างจะซีดกันเลยล่ะเนอะ (หัวเราะ)
นีกาคิ : คิดด้วยค่ะว่า “ขอโทษค่ะ ขอต่อแถวจ่ายก่อนนะคะ!” ถึงพวกรุ่นพี่จะไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษเลยก็เถอะ
ทาคาฮาชิ : ทั้งที่เราต้องรีบไปต่อแถว พวกนนซัง (ซึจิ โนโซมิ) ก็จะชอบเอาของใส่ลงในตะกร้าตามใจชอบด้วยนะ!
นีกาคิ : แต่ตรงนั้นก็ช่วยเราไว้เนอะ
ทาคาฮาชิ : ใช่ๆ บอกว่า “พอได้แล้วนะ~” (หัวเราะ)
นีกาคิ : แล้วก็โดนโกรธบ่อยเลยว่า “รุ่น 5 ไม่มีเอกลักษณ์” รุ่น 5 เนี่ยมีฉัน ไอจัง โอกาว่า มาโกโตะ และคอนโนะ อาซามิ 4 คนค่ะ เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอดเลยโดนโกรธว่า “เพราะสนิทกันเกินไปถึงได้ไม่มีเอกลักษณ์”

--- มีความรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งกันเองในรุ่นหรือเปล่า
ทาคาฮาชิ : ยังไงดีนะ? อ๊ะ แต่พอเข้ามาแล้วก็ออกซิงเกิล “Mr.Moonlight ~Ai no Big Band~” ค่ะ คู่ของโยชิซาว่า (ฮิโตมิ) ซังที่เป็นเซ็นเตอร์คือโอกาว่า มาโกโตะค่ะ อันนั้นเจ็บใจเนอะ วันถ่าย PV ก็มีแค่มาโกโตะที่มากกว่าอยู่หนึ่งวัน… แต่ในซิงเกิลต่อมา “Souda! We’re ALIVE” ก็ได้ท่อนโซโล่ค่ะ จำได้ว่าสตาฟฟ์พูดว่า “ให้โอกาสในเพลงนี้แล้ว จะคว้าหรือไม่คว้าไว้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองนะ” สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าได้คว้าโอกาสนั้นไว้หรือเปล่า แต่ในตอนนั้นก็พยายามอย่างเต็มที่ค่ะ


เพราะมีกาคิซังอยู่ถึงเป็นลีดเดอร์ได้


--- จากนั้น รุ่น 6 รุ่น 7 รุ่น 8 ก็เข้ามา แล้วทาคาฮาชิซังก็เป็นลีดเดอร์สินะ
ทาคาฮาชิ : แต่เดิมฉันไม่ใช่คนที่เป็นผู้นำอยู่แล้ว จำได้ว่าพอได้เป็นลีดเดอร์ก็คิดอย่างแรงกล้าเลยค่ะว่า “ต้องเปลี่ยนแปลง”

--- แล้วนีกาคิซังที่อยู่ข้างๆนั้น มองเห็นว่าทาคาฮาชิซังเป็นลีดเดอร์แบบไหน
นีกาคิ : เป็นลีดเดอร์ที่จะไม่พูดออกมาเป็นคำพูดชัดๆ แต่ตัวเองจะตั้งใจทำให้ดู ทำให้ทุกคนอยากทำตามไปโดยธรรมชาติค่ะ
ทาคาฮาชิ : สำหรับตัวฉันแล้ว การที่มีกาคิซังอยู่ด้วยคือเรื่องสำคัญจริงๆค่ะ กาคิซังเนี่ยมี “ความเป็นพี่สาว” สูง ซึ่งช่วยเตือนสมาชิกให้ได้อย่างเต็มที่ แต่มีครั้งนึงที่บอกว่า “เรื่องแบบนี้ไอจังต้องทำไม่ใช่เรอะ? เป็นลีดเดอร์นะ!” อยู่ด้วยนี่เนอะ?
นีกาคิ : จำได้แม่นเลยเนอะ
ทาคาฮาชิ : จำได้ดีเลยล่ะ สมาชิกในตอนนั้นมีหลินหลินและจุนจุนที่มาจากจีนอยู่ด้วย แล้วก็กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ เลยไม่รู้ว่าควรจะสอนอย่างไรถึงจะถูกต้องน่ะค่ะ เพราะกาคิซังช่วยผลักดันฉันเลยตัดสินใจได้

--- ทั้งสองคนลงตัวกันดีนะ สมัยที่ทาคาฮาชิซังเป็นลีดเดอร์นั้นมีภาพที่ว่าได้ขัดเกลาสกิลการเต้นมาเรื่อยๆ เคยมีการพูดคุยกับสมาชิกด้วยกันไหมว่า “ทำให้ฝีมือดีขึ้นกันเถอะ!”
นีกาคิ : จะได้ว่าเคยคุยกันว่า “ต้องทำให้คนที่มาคอนเสิร์ตพอใจมากที่สุดให้ได้ มาทำกันเถอะ!” ค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ไปออกรายการต่างๆลดลงเลยรู้สึกมากว่า “พวกเราทำสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้กันเถอะ”
ทาคาฮาชิ : ใช่ ซึงคุซังเองก็บอกว่า “เพราะตอนนี้เป็นยุคสงครามไอดอลนี่แหละ จงขัดเกลาฝีมือซะ”

--- เห็นว่าในตอนนั้นมุ่งฝึกซ้อมต่อเนื่องกันทุกวัน
ทาคาฮาชิ : พวกเราไปขอร้องว่า “ช่วยหาเวลาซ้อมให้หน่อยค่ะ” แล้วก็ดู “วีดีโอภาพรวม” ของไลฟ์กันมากมาย และทุกคนก็มาคุยกันว่า “ตรงนี้ไม่เข้ากัน ปรับเถอะ” เลยเนอะ
นีกาคิ : บรรยากาศประมาณว่า “ต้องเท่” แบบสุดๆไปเลยเนอะ
ทาคาฮาชิ : แล้วก็ซ้อมกับจุนจุนตลอดเลยเนอะว่า “ตรงนี้ยังไม่ได้นะ มาซ้อมกัน” “ยังผิดอยู่หรือเปล่า?” ตอนนี้พอมาคิดดู สมาชิกรุ่น 8 ที่เพิ่งเข้ามานั้นลำบากจริงๆค่ะ มีแค่ความรู้สึกขอบคุณที่ตามทัน
นีกาคิ : แล้วตอนที่รุ่น 9 เข้ามาก็รู้สึกตัวว่า “อ๊ะ! มอร์นิ่ง มุสุเมะเป็นแบบนี้!” “แค่คิดว่าจะเข้มงวดอย่างเดียวมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง”
ทาคาฮาชิ : ใช่ๆ! สมาชิกทยอยจบการศึกษาออกไป แล้วช่วงนึงที่เหลือกันอยู่ 5 คนนั้นก็เคยคิดว่า “รุ่นแรกก็มี 5 คน น่าจะแสดงแบบนี้ไปเรื่อยๆได้” จากนั้นรุ่น 9 ก็เข้ามาทีเดียว 4 คน ทั้งเมโลดี้ทั้งบรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันที
นีกาคิ : เพราะเป็นสมาชิกใหม่เกือบครึ่งน่ะค่ะ อย่างซายาชิ (ริโฮะ) ก็ยังเป็นเด็กประถมอยู่
ทาคาฮาชิ : ตัวตนของรุ่น 9 มันใหญ่มาก!




มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้เท่ที่สุดในประวัติศาสตร์


--- ตอนนี้ ฟุคุมุระ มิซึกิซังที่เข้ามาในฐานะสมาชิกรุ่น 9 ได้รับหน้าที่เป็นลีดเดอร์อยู่ ทั้งสองคนมองมอร์นิ่ง มุสุเมะในเวลานี้เป็นอย่างไร
นีกาคิ : ก่อนหน้านี้ไปดูคอนเสิร์ตมาค่ะ ภาพรวมทั้งโปรเจ็กต์ชั่นแมปปิ้ง ฟอร์เมชั่นแดนซ์ ทำให้รู้สึกถึง “ปัจจุบัน” และเท่มาก!
ทาคาฮาชิ : แบบว่า… ทันสมัย! (หัวเราะ) สมัยเราจะเชยนิดหน่อย ซึ่งนั่นก็ให้ความรู้สึกใกล้ชิด แต่มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้นั้นทันสมัยและดูดีค่ะ ซึ่งคนที่ทำให้เป็นแบบนี้คือสมาชิกรุ่นปัจจุบัน รู้สึกว่าสุดยอดเลย ฉันว่ามอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้เท่ที่สุดในประวัติศาสตร์เลยค่ะ
นีกาคิ : ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเด็กที่มีคาแรคเตอร์ดีอยู่เยอะเลย ฟอร์เมชั่นแดนซ์เนี่ยต้องลบเอกลักษณ์และมารวมกันก็เลยกังวลนิดหน่อย แต่พอ MC ทุกคนก็เป็นตัวของตัวเองจนเผลอหัวเราะออกมาเลยค่ะ

--- มีความหลากหลายดีนะ สุดท้ายนี้ช่วยฝากข้อความถึงสมาชิกปัจจุบันหน่อย!
นีกาคิ : ทั้งมอร์นิ่ง มุสุเมะที่พวกรุ่นพี่สร้างมา ทั้งในรุ่นของฉันก็มีข้อดีที่แตกต่างกันไป ซึ่งการพัฒนาไปเรื่อยๆนั้นคือมอร์นิ่ง มุสุเมะค่ะ ดังนั้น จึงอยากให้ทำกันอย่างอิสระโดยไม่ต้องสนใจสมัยของพวกเราเลยจริงๆ
ทาคาฮาชิ : จริงค่ะ อยากจะบอกว่า “จงเชื่อมั่นในตัวเอง!” โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับอดีต ที่พูดแบบนี้ได้เพราะเด็กๆในตอนนี้นั้นคิดว่า “จะให้ความสำคัญกับอดีต” นั่นแหละ มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้เท่ที่สุดแล้ว อยากให้มั่นใจและก้าวต่อไปค่ะ!



Part 3 : Michishige Sayumi & Fukumura Mizuki



ยังคงเป็นรุ่นพี่ที่เป็นเป้าหมายทั้งก่อนเข้าและหลังจากเข้ามาแล้ว


--- คู่สุดท้ายของการสนทนาครั้งนี้คือมิจิชิเงะซัง ลีดเดอร์คนที่ 8 กับฟุคุมุระซัง ลีดเดอร์คนปัจจุบัน ทั้งคู่ยังจำความประทับใจแรกต่อกันได้หรือเปล่า
มิจิชิเงะ : ฟุคุจังเป็นเด็กดีแล้วก็มีบรรยากาศที่รับรู้ทันทีได้ว่า “น่าจะเลี้ยงดูมาอย่างดีนะ” ประมาณว่า “คุณหนู ดีจังเลย”
ฟุคุมุระ : ฮ่าๆ (หัวเราะ) มิจิชิเงะซังผิวขาว ตาโต เป็นแบบที่ฉันชอบเลยค่ะ ตอนที่ได้เห็นครั้งแรกคือตอน “Shabondama” จำได้ด้วยว่าเป็น “คนในท่อนพูด” ค่ะ (หัวเราะ)
มิจิชิเงะ : ฮ่าๆ เสียมารยาท~ (หัวเราะ) แหม แต่เพราะท่อนร้องน้อย ช่วงที่จะได้เด่นคือท่อนพูดก็ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะนะ

--- (หัวเราะ) แล้ภาพของมอร์นิ่ง มุสุเมะก่อนที่ตัวเองจะเข้านี่เป็นอย่างไร?
ฟุคุมุระ : ตอนทำกิจกรรมในฐานะ “Hello Pro Egg” นั้น เป็น “คนที่อยู่เหนือเมฆ” มากขนาดที่ไม่สามารถชวนคุยได้ เพราะงั้นแค่ได้มองตอนซ้อมก็มีความสุขแล้วค่ะ
มิจิชิเงะ : เอ๋~ ดีใจนะเนี่ย
ฟุคุมุระ : เพราะได้เห็นแต่ใบหน้าจริงจังตอนซ้อม เลยคิดว่า “ถ้าเป็นคนน่ากลัวจะทำอย่างไรดีเนี่ย”ค่ะ (หัวเราะ) ที่จริงแล้วพอได้เข้าวงก็รู้สึกขึ้นมาทันทีเลยค่ะว่าเป็น “บรรดาพี่สาวที่แสนใจดี”
มิจิชิเงะ : ก็เพราะเอ็นดูไง (หัวเราะ)
ฟุคุมุระ : โดยเฉพาะมิจิชิเงะซัง ที่ช่วยดูแลพวกเรารุ่น 9 มาโดยตลอด ดีใจมากค่ะ

--- ในตอนนั้น (ปี 2011) หลังจากยุคที่แฟนๆเรียกว่า “รุ่น Platinum” ก็เป็นช่วงที่ใส่พลังลงไปในการแสดงสินะ
ฟุคุมุระ :
การแสดงนั้นเลเวลต่างกันมาก ทำให้มองเห็นรุ่นพี่เป็นคนที่น่านับถือเลยค่ะ ไม่คิดว่าอยู่ในโลกเดียวกัน มิจิชิเงะซังที่รวมอยู่ในนั้นก็เต้นเต็มที่มากๆ
มิจิชิเงะ : เอ๊ะ!? ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นคนที่เต้นไม่ได้มากกว่าไม่ใช่เรอะ (หัวเราะ)
ฟุคุมุระ : เต้นได้นะคะ คือช่วงนี้ฉันกำลังนึกย้อนอยู่ว่า “ตัวเองสมัยก่อนเคย MC แบบไหนนะ” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วฉันก็จะชมเพอร์ฟอแมนซ์ของมิจิชิเงะซังน่ะค่ะ ว่า “พาร์ทนี้ของมิจิชิเงะซังเนี่ยทำได้ดีเลยค่ะ”
มิจิชิเงะ : อ๊า~ จำได้ๆ! ชมตลอดเลยนี่เนอะ!
ฟุคุมุระ : ในกรณีของฉันคือได้เต้นอยู่ข้างๆบ่อยๆ เลยเป็นรุ่นพี่ที่เป็นเป้าหมายอยู่เสมอค่ะ
มิจิชิเงะ : ฟุคุจังเนี่ยเป็นเด็กดีจริงๆนะ ถึงจะเขินแต่ก็ขอบคุณเสมอนะ




สิ่งสำคัญคือเข้าใจง่ายแม้จะไม่ใช่แฟน


--- มิจิชิเงะซังในตอนนั้นก็เข้าสู่โลกของรายการวาไรตี้ทางโทรทัศน์ “เพื่อให้มอร์นิ่ง มุสุเมะได้กลับไปออกโทรทัศน์อีกครั้ง” สินะ
มิจิชิเงะ : ที่จริงแล้วตอนแรกเป็นเหตุผลอื่นนะคะ ตอนนั้นมีแค่ฉันที่ทั้งร้องทั้งเต้นไม่ได้ เลยทุกข์ใจว่าตรงไหนคือจุดยืนของตัวเองในวง แล้วในตอนนั้นก็ได้ไปออกรายการวาไรตี้คนเดียว เลยรู้สึกว่า “ที่นี่ล่ะ! ฉันจะพยายามตรงนี้ล่ะ” แต่บรรดาคนที่ออกรายการด้วยกันก็ถามว่า “มอร์นิ่งตอนนี้มีกี่คน?” “ทำกิจกรรมแบบไหนอยู่?” เลยได้รู้ความจริงเป็นครั้งแรกค่ะ สิ่งที่อยากให้รู้จักนั้นเริ่มจาก “เรื่องของตัวเอง” ก่อน แล้วต่อมาก็เปลี่ยนไปเป็น “วง” น่ะค่ะ
ฟุคุมุระ : มิจิชิเงะซังมีอิมเมจของคนปากร้ายจากรายการโทรทัศน์ก็จริง แต่ตอนที่อยู่ด้วยกันก็ใจดีนะคะ ฉันประทับใจตอนที่รู้ว่า “พยายามคอมเม้นต์เพื่อให้ได้ไปออกโทรทัศน์น่ะ”
มิจิชิเงะ : แบบว่า “เป็นคาแรกเตอร์น่ะ!” ใช่ไหมนะ? (หัวเราะ)

--- เรื่องคอมเม้นต์นี่ รวมถึงการให้คำแนะนำรุ่นน้องด้วยหรือเปล่า?
มิจิชิเงะ : มีค่ะ อย่างถามว่า “MC วันนี้จะพูดแบบไหน?” ถ้าเนื้อหาไปทับกับคนอื่นก็จะ “ตรงนั้นไม่ต้องจำนะ ควรแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมานะ”
ฟุคุมุระ : พอสอนให้แล้วตอนนี้ก็ยังระวังอยู่เสมอค่ะ

--- จะว่าไป ตอนนี้ถ้าจะให้มิจิชิเงะซังสอนอะไรสักอย่างให้?
ฟุคุมุระ : อยากรู้เรื่องการให้ความสำคัญตอนแสดงความคิดเห็นค่ะ เพราะฉันเป็นลีดเดอร์มา 3 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังกลัวว่าความเห็นของฉันจะกลายเป็นความเห็นของวงไป
มิจิชิเงะ : แค่ต้องคิดคอมเมนต์แทบตาย (หัวเราะ) แต่มันก็ยากจริงๆเนอะ เพราะในระหว่างที่แสดงจุดเด่นของวงก็ต้องไม่ให้คาแรคเตอร์ของตัวเองหายไป อืม สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในกรณีที่มีคนดูมากๆอย่างเช่นโทรทัศน์หรือบทสัมภาษณ์เนี่ย... น่าจะเป็น “เข้าใจง่ายแม้แต่กับคนที่ไม่ใช่เป็นแฟน” แล้วก็การเลือก “คำที่น่าประทับใจ”

--- โอ้ อย่างเช่น…
มิจิชิเงะ : ตอนที่เข้าร่วมอีเวนต์ครบรอบ 20 ปีเมื่อวาน มีคำถามว่า “เหตุผลที่อยู่มาได้ 20 ปีคืออะไร?” ก็ตอบไปว่า “คงเป็นเพราะมีฉันอยู่มา 12 ปีในระหว่าง 20 ปีนี้ล่ะมั้งคะ” นั่นคือใช้แบบกว้างๆค่ะ
ฟุคุมุระ : สมาชิกตอนนี้พอได้ดูอันนี้แล้วก็บอกว่า “นั่นไง! มิจิชิเงะซังสุดยอดจริงๆ” ค่ะ (หัวเราะ)
มิจิชิเงะ : ไม่ๆ สมาชิกปัจจุบันทุกคนที่พูดเรื่องตลกๆได้ต่างหากที่สุดยอดนะ เพอร์ฟอร์แมนซ์ก็สุดยอด ถึงจะบอกฉันว่า “ทำสิ” ก็ทำไม่ได้แน่ๆ ขาจะเป็นตะคริวเอา (หัวเราะ) ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกเด็กๆอายุ 10 กว่าๆนี่ก็แสดงท่าทางที่ทำให้ใจเต้นในระหว่างเพลงให้เห็นได้ด้วย
ฟุคุมุระ : ดีใจจังค่ะ สิ่งที่พวกเราในตอนนี้ให้ความสำคัญคือทุกอย่างที่รุ่นพี่สอนให้นะคะ โดยเฉพาะพวกเรารุ่น 9 รุ่น 10 รุ่น 11 ที่เติบโตมาได้มากขนาดนี้ก็เพราะมิจิชิเงะซัง ถึงฉันจะไม่ได้เป็นตำนาน แต่ก็ตั้งใจว่าต้องถ่ายทอดความรู้สึกของมิจิชิเงะซังที่เป็นตำนานค่ะ… แต่ฉันเองก็ยังไม่ตัดใจว่า “เป็นไม่ได้” นะคะ (หัวเราะ)

--- และสุดท้ายนี้ มิจิชิเงะซังช่วยพูดอะไรสักอย่างถึงมอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้หน่อยสิ!
มิจิชิเงะ : นั่นสิคะ… ฉันว่าสมาชิกทุกคน แต่ละคนน่าจะมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้นะ! เพราะเป็นวงก็เลยมีทั้งสมาชิกที่เด่นและสมาชิกที่ไม่เด่น แต่อยากให้มั่นใจว่าตัวเองคือมอร์นิ่ง มุสุเมะแล้วก็พัฒนาตัวเอง กำลังรอจุดเปลี่ยนของปีที่ 20 อยู่นะ!


Post a Comment

0 Comments