[TRANS] Makino Maria, Kaga Kaede, Sasaki Rikako in CanCam December 2022

 

     สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับแปลบทสัมภาษณ์อีกเช่นเคย สำหรับรอบนี้เป็นสัมภาษณ์ที่เคยแปลแล้วดองมาพักใหญ่ตั้งแต่ยังไม่ถึงคอนแกรดคาเอดี้ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วก็พยายามแปลออกมาจนเสร็จเพราะไม่อยากปล่อยทิ้งให้มันคาใจค่ะ และเลือกอัพเป็นเอนทรี่สุดท้ายสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ด้วย จะได้ไม่ชนกับโปรเจ็กต์เดือนหน้าค่ะ


     และขอดิสเคลมเมอร์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาว่าราแปลแบบไม่ได้เป๊ะมาก แปลเพื่อฝึกด้วยแพชชั่นส่วนตัว เอาตามความเข้าใจและพยายามเรียบเรียงให้อ่านง่ายเท่าที่จะทำได้ ถ้ามีความผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ



*ห้ามนำบทแปลในบล็อกนี้ไปโพสต์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต*


  ขอฟังความทรงจำอันแสนอบอุ่น  

  และความรู้สึกที่เร่าร้อนของทั้งสามคน  

  มากกว่านี้อีกหน่อยสิ♡  


กลุ่มเพื่อนสนิท 3 คนของ Hello! Project ได้แก่มาคิโนะ มาเรียซัง และ คากะ คาเอเดะซัง วง มอร์นิ่ง มุสุเมะ’22 และซาซากิ ริคาโกะซัง วงแองจลูมซึ่งเป็นโมเดลในสังกัด CanCam มาปรากฏตัวใน CanCam ในรอบ 2 ปี! ทางเราจึงขอนำเสนอบทสัมภาษณ์ฉบับยาวที่ไม่มีการตัดที่ไม่มีใน Answer cut และตีพิมพ์ลงในฉบับนิตยสารจาก “Memories of 10 years #10 years miracle” ใน CanCam ฉบับเดือนธันวาคมได้ไม่หมด ♡

โดยถือโอกาสที่คากะซังประกาศจบการศึกษามาหวนรำลึกถึงความทรงจำที่ชวนคิดถึงซึ่งเคยมีร่วมกัน และความตระหนักในระหว่างไลฟ์เพอร์ฟอร์แมนซ์ต่างๆ เป็นการพูดคุยแบบพิเศษเฉพาะที่นี่เท่านั้น เชิญรับชมกันได้เลย!



Q. ก่อนอื่น อย่างแรก คิดอย่างไรกันตอนทราบว่าคากะซังจะจบการศึกษา?

คาเอเดะ : วันที่แจ้งให้สมาชิกทราบคือวันซ้อมทัวร์ฤดูใบไม้ผลิวันแรกเนอะคะ

มาเรีย : ตอนมีประกาศว่าจะมีใครจบการศึกษา สมาชิกทุกคนจะมารวมตัวกัน และจะทราบได้จากบรรยากาศของจังหวะและวิธีพูดของผู้จัดการว่า "คือ มีเรื่องแจ้งนะ" น่ะค่ะ

คาเอเดะ : เข้าใจเลย (หัวเราะ)

ริคาโกะ : คุณผู้จัดการ ความแตกหมดแล้วค่ะ! (หัวเราะ)

มาเรีย : ถึงจะรู้ว่า "คงจะมีใครสักคนจบการศึกษาล่ะมั้ง..." แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นคาเอดี้ ตกใจมากจริงๆ... ถึงจะไม่มีมูลก็จริง แต่เพราะฉันมีภาพว่าคาเอดี้จะอยู่ด้วยตลอดไป เลยไม่ได้คิดว่าจะไปก่อนน่ะ...

ริคาโกะ : เรื่องนั้นตอนซ้อมก็รู้สึกได้ด้วยเนอะ ฉันอยู่คนละวงด้วยเลยได้รู้ในเวลาเดียวกับแฟนๆ ทุกคน พอดีกับที่หลายวันก่อนประกาศจบการศึกษา ฉันอัพบล็อกแบบไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ แฟนๆ เลยมาถามว่า "ริคาโกะจังรู้แล้วใช่ไหม? ได้ยินตอนนั้นเหรอ?" แต่ฉันได้รู้เรื่องคือหลังจากนั้นค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่า ก็มีคนติดต่อมาหาว่า "นาย…! ได้ยินว่าจบการศึกษาเรอะ...!" ทันทีเลยนะคะ (หัวเราะ)

คาเอเดะ : คนสมัยไหนเนี่ย (หัวเราะ)

ริคาโกะ : แต่ฉันกลับไม่รู้สึกเลยว่า "เอ๊ะ คาเอดี้น่ะเหรอ?" เลยอาจไม่ค่อยตกใจน่ะ ยอมรับได้ทันทีว่าสมเป็นคาเอดี้ คงเพราะฉันก็เตรียมตัวเอาไว้แล้วเหมือนกันว่า "สักวัน เวลานั้นจะมาถึง" พอได้เห็นคนวัยเดียวกันที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยก่อนตัดสินใจครั้งสำคัญแล้วได้รับแรงกระตุ้น แล้วก็คิดว่าเท่จังนะ สง่างามจังนะ น่ะ

มาเรีย : ความรู้สึก "เหงา" เมื่อมีใครสักคนจบการศึกษาเนี่ย มันจะค่อยๆ คืบคลานมาหลังจากตอนที่ได้ยินใช่ไหม? พอเรียบเรียงความคิดได้และรู้ว่าจะจบการศึกษา แล้วนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันและเรื่องหลังจากคาเอดี้จบการศึกษาไปแล้วขึ้นมา น้ำตาก็พานจะไหลเอา

ริคาโกะ : แล้วก็จะค่อยๆ รู้สึกว่างานที่คนคนนั้นทำและอีกหลายๆ อย่างนั้นเป็น "ครั้งสุดท้าย" จนเริ่มตระหนักถึงความจริงขึ้นมาอย่างลึกซึ้งเนอะ

คาเอเดะ : ใช่ๆ ต้องมีการกำหนดตารางงานของสมาชิกคนอื่นทุกคนที่จะไปออกหลังจากตัวเองจบการศึกษาใช่ไหม? ฉันได้ดูแผน "จะเป็นประมาณนี้นะ" ก่อนแล้วก็รู้สึกประหลาดๆ ช่วงที่ยังไม่ได้แจ้งสมาชิกทุกคน เวลามีใครพูดมาว่า "ในหลายวันนี้ การถ่ายงานครั้งนี้จะใช้สำหรับปีหน้านะ" ในระหว่างที่ตอบกลับไปว่า "ค่ะ!" ก็คิดไปด้วยว่า "แต่การถ่ายครั้งนั้นจะไม่มีตัวฉันอยู่สินะ" แล้วก็เคยถามอยู่ด้วยเหมือนกัน เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก

มาเรีย : ที่จริงแล้วพอคาเอดี้ไม่อยู่ ในด้านความรู้สึกก็เหมือนจำนวนคนน้อยลงไปเยอะเลยนะ ไม่อยู่แค่คนเดียวแต่กลับรู้สึกโหวงๆ... ยังไม่ชินเลย

ริคาโกะ : คงเพราะคาเอดี้น่ะเป็นสมาชิกที่มีสไตล์ที่วางไว้ทั้งบรรยากาศ การแสดงออกแบบที่ไม่ค่อยมีในมอร์นิ่ง มุสุเมะเท่าไหร่เลยยิ่งรู้สึกมากขึ้นไปอีกล่ะมั้ง ถ้าพอเข้าวงมาแล้วค่อยๆ กลายเป็นลักษณะแบบในตอนนี้ขึ้นทีละนิดๆ ก็เข้าใจอยู่ แต่ความประทับใจแรกกับตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมแทบไม่เปลี่ยนแปลงไป เสน่ห์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นๆ ถึงเจ้าตัวอาจไม่คิดแบบนั้นก็เถอะ (หัวเราะ)

คาเอเดะ : ไม่คิดเลย (หัวเราะ)

ริคาโกะ : นั้นก็สมเป็นคาเอดี้ดี ฉันชอบนะ (หัวเราะ)!

คาเอเดะ : แต่ซึงคุ♂ซังเองก็บอกว่า "รู้สึกเหมือน(เป็นคนที่)ไม่เคยมีมาก่อน" จริงๆ นั่นแหละค่ะ

มาเรีย : ที่ว่าแทบไม่เปลี่ยนไปจากความประทับใจแรกน่ะก็ใช่อยู่หรอก แต่ก็มีที่คิดว่า ในที่สุดตัวตนข้างในของคาเอดี้ก็แสดงออกมาหมดแล้ว! อยู่เหมือนกัน ตอนเข้าฮาโหลโปรเคงชูเซย์ช่วงแรกเคยไว้ผมยาวแล้วชอบรวบด้านข้างบ่อยๆ เลยแตกต่างไปหน่อยเนอะ แต่ฉันก็พูดตลอดด้วยว่าอยากเห็นแบบนั้นอีกครั้ง ช่วยทำหน่อย เหมือนกัน

คาเอเดะ : ไม่หรอก ที่ว่าทำไมถึงทำทรงนั้นตลอดเพราะสมัยม.ต้นขี้เกียจมานั่งแก้ผมยุ่งตอนตื่นนอนน่ะ แต่พอรวบไว้ข้างนึงผมยุ่งก็หายหมดเลย (หัวเราะ)

มาเรีย : งี้นี่เอง (หัวเราะ) แต่ตอนผมยาวก็ทำผมทรงรวบครึ่งหัวน่ารักดี เลยอยากให้ไว้อีกรอบน่ะ

ริคาโกะ : น่ารักเนอะ อยากให้ไว้อีกรอบจัง!

คาเอเดะ : ไม่ไว้แล้วค่ะ! ไม่ใส่วิกด้วยค่ะ! แต่ที่จริงแล้วก็แอบ... สนใจต่อผมอยู่นิดหน่อยนะ

มาเรีย : เหมาะดีออก!

ริคาโกะ : น่าจะมีเสน่ห์ที่ต่างออกไปจากตอนนี้นะ~

คาเอเดะ : แต่ว่า แค่คิดว่าต้องใช้เวลาสระผมเพิ่มเป็นเท่าตัวฉันก็ตัดใจแล้ว

มาเรีย : เป่าผมก็ใช้เวลาตั้ง 10 นาทีนะ

คาเอเดะ : ไม่เอาๆๆ! ขอผมสั้นเถอะค่ะ! (หัวเราะ)



Q. ถ้าให้คิดย้อนถึงความทรงจำ 10 ปีจนถึงตอนนี้ล่ะ?

มาเรีย : มีเยอะแยะเลยค่ะ! ถ้าพูดถึงคาเอดี้เดี่ยวๆ ฉันลืมเรื่องที่โดนพูดในงานคอนเสิร์ตเคงชูเซย์ไม่ลงเลย มุโรตะ มิสึกิซัง อดีตแองจลูม ริคาโกะจัง คาเอดี้ แล้วก็ฉัน 4 คน เคยถูกเลือกให้ร้องเพลง VERY BEAUTY ของ เบอร์รี่ส์ โคโบกันใช่ไหม?

คาเอเดะ・ริคาโกะ : คิดถึงจังเลย

มาเรีย : ทั้งที่ฉันไม่ค่อยจะได้เป็นสมาชิกที่ถูกเลือกแบบนั้นสักเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่า “นี่เลือกสมาชิกมาได้สุดยอดเลยนะนี่” แถมคนที่ร้องเปิดยังเป็นฉันกับคาเอดี้ด้วย คาเอดี้บอกกับฉันก่อนเริ่มแสดงจริงว่า “มาเรีย ในสมาชิกกลุ่มนี้คงไม่มีใครคิดว่าพวกเราจะร้องก่อน เพราะงั้นมาทำให้ตกใจกันเถอะ” ฉันเลยคิดว่า “ดีล่ะ ฉันจะพยายาม!” ได้น่ะ

คาเอเดะ : จำเรื่องนั้นได้ด้วยนะเนี่ย (หัวเราะ)

ริคาโกะ : ชื่อเสียงดีนะนั่น ถ้าพูดถึงคำที่ฉันเองก็ลืมไม่ลง ฉันเข้ามาเป็นเคงชูเซย์คนเดียว เลยไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นใช่ไหมล่ะ? ตอนนั้น ตอนทุกคนนับจำนวนคนแล้วทุกคนนับเพื่อนร่วมรุ่นรุ่นเดียวกัน ฉันพูดว่า “มาค่ะ” คนเดียว เหงาแล้วก็ใจฝ่อมาก แต่เพราะงั้นรุ่นที่มาก่อนรุ่นหนึ่งอย่างมาเรียกับคาเอดี้ก็ใจดีกับฉันมากๆ ที่บอกฉันว่า”เพราะแทบจะเป็นรุ่นเดียวกันไง!” ฉันลืมไม่ลงเลยล่ะ

มาเรีย : มาเรียเป็นคนพูด!

คาเอเดะ : ฟังไปก็คิดอยู่ว่ามาคิโนะซังล่ะมั้ง (หัวเราะ)

ริคาโกะ : ที่บอกว่า “แทบจะเป็นรุ่นเดียวกันนะ มาพยายามกันเถอะ” ยังคงอยู่มาตลอดเลย ดีใจมากเลยล่ะ

มาเรีย : จำได้ว่าริคาโกะจังเองชอบบอกว่า “เพราะฉันรักมาเรียเสมอไงล่ะเนอะ!” บ่อยๆ ด้วย ดีใจมากเลย

ริคาโกะ : นั่นมันก็แหงอยู่แล้ว! ชั่วชีวิตเลย ทั้งคาเอดี้ทั้งมาเรียเป็นเพื่อนชั่วชีวิตเลยนะ

คาเอเดะ : ตอนที่คุยกันเรื่องจบการศึกษาของฉันใน LINE ก่อนหน้านี้ก็บอกว่า “ฉันคือพวกของเธอตลอดไปนะ” ด้วยนี่นา

มาเรีย : มีเรื่องที่ยังจำได้เพียบเลยนะ รู้สึกว่าตอนวันเกิดฉัน เพราะรู้ว่าฉันชอบ Hokkaido Nippon Ham Fighters ริคาโกะจังกับคาเอดี้ก็เลยไปซื้อพวงกุญแจของ Fighters ถึงช็อปที่โตเกียวโดมให้เลย แต่ว่าร้านไม่เปิด ทั้งสองคนก็ถึงขั้นไปเดินหาจากร้านใกล้ๆ มาให้ ดีใจมากเลยล่ะ…

คาเอเดะ : จริงๆ แล้วคือประมาณ 10 ปีก่อนนะ

มาเรีย : แล้วก็ ริคาโกะจังเนี่ยนะ ตอนไปค้างก็พูดว่า “ก่อนหน้านี้ไปฮาโหลช็อป (Hello! Project Official Shop) มา มาเรียชอบมิจิชิเงะซังก็เลยซื้ออันนี้มาน่ะ” แล้วซื้อปากกาลูกลื่นที่มีภาพมิจิชิเงะ ซายูมิซังมาให้ ริคาโกะจังชอบคุโด้ ฮารุกะซังแท้ๆ แต่เพราะเงินค่าขนมไม่พอ ทั้งที่กู้ดส์ของคุโด้ซังที่ตัวเองจะซื้อจะลดลงแต่ยังซื้อปากกาลูกลื่นของมาเรียให้อีก ประทับใจมากเลย…

ริคาโกะ : ฤดูร้อน! มาเรียอยู่ม. 1 ส่วนฉันอยู่ป.6 รึเปล่านะ?

มาเรีย : ใช่ๆ ฉันใช้ตลอดเลย ตอนนี้ก็ยังเก็บไว้อย่างดีเลยแหละ ริคาโกะจังใจดีมากๆ มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว

ริคาโกะ : ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนนะ แบบชอบซื้อของขวัญอะไรสักอย่างโดยไม่รู้ตัวน่ะ เพราะฉันจะดีใจมากถ้าคนที่ฉันรักจะดีใจ เลยซื้อมาแบบคิดว่า “อยากให้ดีใจจัง” พอมาคิดดูตอนนี้แล้วประมาณว่าทั้งที่เป็นเคงชูเซย์แท้ๆ แต่ห้ามไปฮาโหลช็อปเนี่ยนะ (หัวเราะ) มันมีข้อห้ามว่าห้ามไปด้วยหรือไง ไม่มีใช่ไหมนะ?

คาเอเดะ : ไม่มีกฎอะไรแบบนั้นหรอก แต่ไม่มีคนที่เป็นเคงชูเซย์แล้วกล้าไปฮาโหลช็อปเลย (หัวเราะ) แล้วก็ช่วงนี้มาคิโนะซังจะพูดเสมอเวลาเมื่อมีโอกาสว่าในเคงชูเซย์รุ่นเดียวกันกับฉันมีกลุ่มจากแดนไกลคือ “โอซาก้า นาโงย่า นาโงย่า” อยู่ 3 คน เวลาที่ 3 คนนั่งชินกังเซ็นมาซ้อมที่โตเกียว พอบอกว่าไม่รู้ทางมาจากสถานี ฉันจะต้องเป็นคนนำทาง 3 คนนั้นทุกที (หัวเราะ)

มาเรีย : ใช่แล้ว! เพราะไม่รู้เรื่องโตเกียวเลยจริงๆ ตอนกลับก็โทรไปหาว่า “คาเอดี้ ผ่านช่องตรวจตั๋วเข้ามาแล้วแต่ไม่รู้เรื่องเลย” (คาเอดี้)ก็ผ่านช่องตรวจตั๋วเข้ามาหา แล้วช่วยพาไปจนถึงชานชาลาพร้อมกับบอกว่า “รถไฟขบวนที่มาเรียจะขึ้นคือตรงนี้นะ” แล้วก็ “คาเอดี้! (ซึ้งใจ)” เลย…

ริคาโกะ : ใจดีจัง~

คาเอเดะ : ตั้งแต่ตอนนั้นก็นำทางให้เด็กหลงตลอดเลย (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้ก็ยังนำทางอยู่แหละ แต่คนที่ไปผิดทางเนี่ย ฉันโทรไปบอกแล้วว่า “กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ อย่าขยับไปไหนนะ” ไว้แล้วแท้ๆ แต่หลังจากนั้นแปปเดียวก็ขยับแล้วบอกว่า “ดูน่าจะเป็นทางนี้ก็เลยลองมาทางนี้ดู” แล้วก็หลงอีก (หัวเราะ)… 

ริคาโกะ : ฮ่าๆๆ ฮาสุดๆ

คาเอเดะ : มาคิโนะซังสมัยนั้นไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกค่ะ (หัวเราะ)

ริคาโกะ : พอฟังเรื่องสมัยเคงชูเซย์แล้วก็นึกขึ้นมาได้ ทุกคนเคยไปออกันอยู่ที่หน้าช่องตรวจตั๋วของสถานีที่มีสตูดิโอที่เราซ้อมกันด้วยนี่นะ!

คาเอเดะ : (ขำกลิ้ง)

มาเรีย : ไปออกัน! จำได้ว่าไปออกัน! ประมาณว่าทุกคนรวมตัวกันที่สถานีก่อนแล้วค่อยไป ทั้งที่ไปเลยก็ได้แท้ๆ แต่พูดไม่ออกเนอะ

ริคาโกะ : คิดงั้นเหมือนกันสินะ!? ทั้งที่ไปสตูดิโอคนเดียวก็ได้แท้ๆ ไม่รู้ทำไมทุกคนถึงต้องมีนัดเจอกันก่อนด้วย คนที่ใช้สถานีนั้นเป็นปกติคงจะคิดแบบประหลาดใจว่า “อะไรของเด็กพวกนี้เนี่ย?” กันละมั้ง

คาเอเดะ : ฉันเองก็ตัวสั่นตลอดเลย (หัวเราะ) ตอนนี้อาจจะไม่เป็นแล้ว แต่ก็คิดว่าแน่นขนาดนี้จะเกะกะหรือเปล่า ไปกันเถอะ แต่ยังมีพวกที่เป็นรุ่นพี่กว่าพวกเราอยู่ตรงนั้นด้วย ทั้งที่รุ่นพี่ไม่ได้ไปไหนแท้ๆ จะให้รุ่นน้องไปมันก็ดูไม่ดี… อะไรประมาณนั้นไหมเนอะ?

มาเรีย : ตอนนี้คงไม่มีแล้ว แต่เคงชูเซย์สมัยนั้นก็มีอะไรหลายๆ อย่างเนอะ แล้วก็ไม่รู้ห้ามเปิดเผยไหม คือตอนรวมตัวกันมีกฎว่าต้องใส่หมวก

คาเอเดะ : มีสิ! สุดท้ายแล้วเพราะทุกคนใส่หมวกมารวมตัวกันเลยยิ่งสะดุดตาเลย (หัวเราะ)

ริคาโกะ : แล้วก็ให้คาเอดี้ช่วยแนะนำอนิเมะหลายๆ เรื่องมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วด้วย ฉันเป็นพวกไม่ค่อยดูอนิเมะเท่าไหร่ เรื่องแรกที่ดูคืออนิเมะที่คาเอดี้แนะนำให้ แม้แต่ตอนนี้อนิเมะที่คาเอดี้แนะนำก็จะมีทฤษฎีที่ไม่พลาดเด็ดขาด ช่วงนี้เองก็เหมือนจะมีเรื่องอะไรสักอย่างด้วยนี่นะ?

คาเอเดะ : ที่ยัดเยียดให้หลายๆ อันน่ะนะ (หัวเราะ) ถ้าช่วงนี้จะเป็นเรื่องไหนนะ “ทานากะจอมเฉื่อย (Tanaka kun wa itsumo kedaruge)” รึเปล่า?

ริคาโกะ : นั่นแหละ?

คาเอเดะ : เป็นอนิเมะแก๊กง่ายๆ ที่มีต้นฉบับจากมังงะ ตอนนี้ก็ยังเป็นอนิเมะที่ชอบแล้วย้อนดูไป 4-5 รอบได้ ไม่ใช่แค่ซาซากิซังเท่านั้นแต่อยากให้มนุษยชาติทั้งมวลได้ดูเลย!



Q. มีอะไรที่ตระหนักได้จากเพอร์ฟอร์แมนซ์เมื่อเร็วๆ นี้บ้างไหม?

มาเรีย : ถ้าพูดถึงทัวร์ในครั้งนี้ แน่นอนว่าฉันอยากให้ทุกคนที่มาชมได้รู้สึกทั้งการร้องและการเต้น ช่วงหลังมานี้ฉันมีโอกาสได้ไปดูไลฟ์ของคนที่เคยร่วมแสดงด้วยกันมา เพราะไม่ค่อยได้ดูไลฟ์อื่นนอกเหนือจาก Hello! Project สักเท่าไหร่ เลยได้แรงกระตุ้นในหลายๆ อย่าง และที่รู้สึกมากเป็นพิเศษคือถึงแม้จะมองจากที่นั่งชั้น 2 แต่ไม่รู้สึกว่าไกลและรู้สึกว่า “(คนแสดง)กำลังมองทุกคนอยู่ โบกมือให้มาเรียด้วย!” เพราะรู้ว่าถ้าเล่นไลฟ์แบบให้ความรู้สึกแบบนี้ได้จะดีใจมาก ฉันเลยอยากทำเพอร์ฟอร์แมนซ์ให้ได้แบบนั้น

ริคาโกะ : ในระหว่างที่จบทัวร์หนึ่งและรอให้ทัวร์ต่อไปเริ่ม ความรู้สึกภายในของฉันจะมีอะไรสักอย่างเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดเลย พอวันแรกเริ่มต้นขึ้นก็จะรู้สึกตัวว่า “อ๊ะ ตัวเองในคราวนี้เป็นประมาณนี้เอง”

มาเรีย : มี!

ริคาโกะ : แทนที่จะเรียกว่าว่าตระหนักได้ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ทำไปโดยธรรมชาติมากกว่า อาจจะแบบ “สีหน้า” เปลี่ยนไป… ล่ะมั้ง จะมีส่วนที่มีแค่ฉันที่หันหน้าออกในอินโทรเพลงที่มีในทัวร์ครั้งนี้ด้วย ฉันอยากสร้างบรรยากาศในเพลงตรงนั้น เลยศึกษาวิธีแสดงออกหลายๆ แบบว่าจะแสดงออกมายังไงดี ทั้งลองหันกลับไปครั้งเดียว ลองโชว์หน้าด้านข้าง… แต่ว่าไม่ว่าเพลงไหนก็ทำเหมือนกัน ทั้งตอนนี้ที่หน้าของตัวเองหลุดจากสกรีนและตอนที่ไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมดเลย เรื่องสีหน้าก็ใช่ อยากเป็นคนที่แค่เดินก็เหนือกว่าคนอื่นแล้ว

มาเรีย : อย่างในเพลง “Fantasy ga Hajimaru” ที่เคยแสดงโซโล่ใน “ฮินะเฟส” ก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนั้นใช่ไหม?

ริคาโกะ : ใช่แล้ว ตอนนั้นพอเสนอกับอาจารย์ที่รับผิดชอบบนเวทีไปว่า “เป็นเพลงที่เต้นได้ก็จริง แต่อยากเดินให้เหมือนเต้นด้วยค่ะ” แล้วทางนั้นก็บอกมาว่า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ” เพราะคราวนี้เวทีมีบันไดก็เลยอยากจะใช้ให้ดีและออกมาเท่ด้วย

คาเอเดะ : ฉันคิดมาตลอดเลยนะ ว่าน่าจะตระหนักว่าจะต้อง “เคลื่อนที่” เปลี่ยนฟอร์เมชั่นในระหว่างเพลงยังไง ถึงแม้ว่าจะ “เคลื่อนที่” แต่จะให้เคลื่อนไปเฉยๆ ก็ไม่ชอบ เลยอยากเปลี่ยนให้เป็นการเต้นที่เรียกว่าการเคลื่อนที่ในทุกๆ จังหวะ ในช่วงเวลารอเพลงต่อไปก็ด้วย ไม่ได้แค่รอเฉยๆ และตั้งใจโพสต์สวยๆ เต็มที่ ทำเพอร์ฟอร์แมนซ์โดยคิดว่าทั้งหมดเป็นเพลงเพลงเดียวตลอดการแสดงหนึ่งชั่วโมงครึ่งหรือสองชั่วโมง

ริคาโกะ : ใช่ เข้าใจเลย แบบนั้นเลยแหละ! การเคลื่อนที่ไม่ใช่แค่เคลื่อนที่ แต่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการเต้น

มาเรีย : ซึงคุ♂ซังเองก็เคยบอกว่า “ไม่เคลื่อนที่” ในความจริงแล้วก็มีส่วนที่วิ่งเหมือนกัน แต่ก็ตระหนักตลอดสินะ

ริคาโกะ : เพราะยืนอยู่บนเวทีและแสดงเพอร์ฟอร์แมนซ์มานานนี่แหละ ถึงทำให้ค้นพบหัวข้อที่อยากทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคิดว่า “ยังทำได้อีกนะเนี่ย!” ด้วยเนอะ



Q. สุดท้ายนี้ Hello! Project คือตัวตนแบบไหน?

มาเรีย : แน่นอนว่าต้องเป็นจิตวิญญาณของซึงคุ♂ซัง ถึงตอนที่ฉันเข้ามอร์นิ่ง มุสุเมะจะไม่ได้เป็นโปรดิวเซอร์แล้วก็จริง แต่สมัยเคงชูเซย์ก็เคยมาสอนให้โดยตรงอย่างใกล้ชิด ถ้าไม่มีซึงคุ♂ซังก็คงไม่เกิด Hello! Project ขึ้นมา และคงไม่คิดจะทำต่อเนื่องด้วย แน่นอนว่าตัวตนของซึงคุ♂ซังยิ่งใหญ่มาก…

ริคาโกะ : ยังไงดี… เป็นไฮแบรนด์ชนิดหนึ่งล่ะมั้ง อาจจะไม่ได้ถึงขั้นรู้จักแต่ละวงๆ แต่การที่คนส่วนใหญ่รู้จักคำว่า “ฮาโหลโปร” เนี่ย พอมาคิดดูอีกทีแล้วก็รู้สึกว่าว่ามันสุดยอดเลยค่ะ

คาเอเดะ : ของฉันคือ… เกาะที่ห่างไกลล่ะมั้ง ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน Hello! Project ก็ยังคงเป็นสไตล์เดียวที่เรียกว่า Hello! Project อยู่ และไม่ได้รับอิทธิพลจากรอบข้าง ก่อนเข้าฮาโหลโปรจะมีสมาชิกที่มีแบ็คกราวน์หลากหลายทั้ง “เคยเต้นร็อกแดนซ์เฉพาะทางมาก่อน” “เคยเต้นบัลเล่ต์มาก่อน” แต่คนเหล่านั้นจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่เข้มแข็งจนเหมือนเป็นสีสันของฮาโหลโปรเลย

ริคาโกะ : เอ๊ะ เข้าใจสุดๆ เลยล่ะ! คราวหน้าฉันก็ขอเอา(ประโยค)อันนั้นไปใช้แบบไม่เกรงใจละนะ (หัวเราะ)

คาเอเดะ : อะ อืม (หัวเราะ) ร้ายจริง ทำอย่างกับตัวเองเป็นคนคิดงั้นแหละ (หัวเราะ)



ขอบคุณแหล่งที่มาจาก CanCam


Post a Comment

0 Comments