สวัสดีค่ะ เนื่องในโอกาสที่มอร์นิ่ง มุสุเมะ ครบรอบ 25 ปีของการก่อตั้งวง ช่วงนี้เลยมีบทสัมภาษณ์ของวงออกมาค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ในฐานะที่เราเองก็ตามมอร์นิ่งและค่ายฮาโหลโปรมาอย่างยาวนาน เลยถือโอกาสนี้หยิบเอาบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจหลายๆ ชิ้นมาแปลนะคะ ใจจริงแล้วเรามีที่อยากแปลเยอะมากๆ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง อาจจะแปลและลงเยอะมากไม่ไหว แต่ยังไงจะพยายามทำเท่าที่ทำได้ค่ะ
สำหรับคราวนี้ เราเริ่มต้นด้วยบทสัมภาษณ์จากนิตยสาร anan กันก่อนเลย เนื่องจากในฉบับนี้มีปกพิเศษ รวมถึงสัมภาษณ์ค่อนข้างยาว รูปสวยและเยอะ ทั้งยังมีข้อความจากซึงคุซังด้วย เลยหยิบเอาส่วนของสัมภาษณ์รวม + ข้อความของซึงคุซังมาแปลค่ะ นอกจากนี้แล้วในเล่มยังมีที่คุยแยกรายคนอีก หากใครสนใจสามารถตามไปซื้อมาอ่านกันได้ตามลิงค์นี้ค่ะ ปกพิเศษ ปกธรรมดา
ในส่วนของบทสัมภาษณ์รวมนั้น ทาง anan ได้มีการเอาลงในเว็บแบบแยกเป็น 3 กลุ่ม 3 ลิงค์ให้ได้อ่านกันทางออนไลน์ด้วย แต่ของซึงคุซังจะลงในนิตยสารอย่างเดียว ไม่มีลงเว็บ ซึ่งเราขอรวมทุกอันมาอยู่ในเอนทรี่นี้เอนทรี่เดียวเพื่อความสะดวกในการอ่านค่ะ อาจจะยาว (ไม่) สักนิดนะคะ
และก่อนจะเข้าเรื่องกัน เราขอชี้แจงก่อนเหมือนทุกครั้งว่าเราแปลแบบไม่ได้เป๊ะมาก แปลเพื่อฝึกด้วยแพชชั่นส่วนตัว เอาตามความเข้าใจและพยายามเรียบเรียงให้อ่านง่ายเท่าที่จะทำได้ ถ้ามีความผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ
*ห้ามนำบทแปลในบล็อกนี้ไปโพสต์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต*
ธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
――หากพูดถึงธรรมเนียมของมอร์นิ่ง มุสุเมะแล้ว ระบบ "การสอน" เองน่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน และผู้รับหน้าที่สอนซากุระอิซังที่เพิ่งเข้ามาเป็นรุ่น 16 นั้นคือโนะนากะซังสินะ
โนะนากะ : ใช่ค่ะ เพราะจนถึงตอนนี้จะมีภาพว่าคนที่รับหน้าที่สอนจะเป็นรุ่นใกล้ๆ กัน พอตัวเองได้รับมอบหมายก็ตกใจเลยค่ะ แต่ไม่ใช่การสอนตัวต่อตัว มีรุ่น 15 เข้ามาร่วมด้วย เลยรู้สึกว่าได้สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นไปพร้อมกับสอนอะไรหลายๆ อย่างด้วยค่ะ
ซากุระอิ : สิ่งที่ฉันถูกสอนมาทุกเรื่องมีแต่เรื่องน่าตกใจ... อย่างเช่นสอนว่าต้องพูด "อรุณสวัสดิ์" แม้จะเป็นกลางคืน หรือต้องพูดว่า "เหนื่อยแย่เลยนะคะ" กับสตาฟฟ์ทีละคนค่ะ
ฟุคุมุระ : เราจะถ่ายทอดเรื่องที่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเราให้กับสมาชิกใหม่ทุกครั้งค่ะ แล้วก็จะถ่ายทอดเรื่องที่พวกรุ่นพี่เน้นย้ำเรามาอย่างดีด้วย อย่างเรื่องที่เป็นธรรมเนียมเช่น "ไมค์สำคัญเท่าชีวิต" หรือ "การทักทายต้องเสียงดังที่สุด" ค่ะ
คิตากาวะ : ตัวฉันเองตอนเข้าวงมาก็ได้รับการสอนการใช้คำที่จะไม่ได้ใช้จนกว่าจะเป็นผู้ใหญ่มา เลยต้องใส่ใจหน่อยค่ะ อย่างเช่นก่อนจะอัพบล็อกต้องส่งไปหาคุณผู้จัดการว่า "รบกวนช่วยเช็กหน่อยนะคะ" เรียกได้ว่าได้รับการปฎิบัติเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้วเลยค่ะ
ฟุคุมุระ : ตอนฉันเข้าวงฉันโดนโกรธก่อนจะสอนกันเสียอีกค่ะ (หัวเราะ) โดนโกรธว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่รู้ก็จริง แต่พอเข้ามอร์นิ่ง มุสุเมะแล้วทำแบบนั้นไม่ได้ อย่างเช่น ตอนอัดรายการห้ามถือบทไปด้วย หรือเป็นรุ่นน้องแท้ๆ แต่ไม่ไปยืดกล้ามเนื้อก่อนคนแรก กังวลสุดๆ ไปเลยค่ะ (หัวเราะ) ดังนั้นตอนรุ่น 12 เข้ามา ฉันเลยคิดว่าต้องสอน(เรื่องพวกนี้)ก่อนค่ะ
โนะนากะ : ฉันเองก็โดนโกรธบ่อยค่ะ... (หัวเราะ) เลยบอกเรื่องที่จำเป็นทั้งหมดกับไรรี่ (ซากุระอิ) ไปวันก่อน แล้วคนหลายคนก็จะพูดกันหลายแบบ เพื่อไม่ให้ไรรี่สับสน เลยมีการทำกรุ๊ปไลน์ของสมาชิกเพื่อแชร์กันว่า "วันนี้สอนเรื่องนี้ไปนะ" ค่ะ
ฟุคุมุระ : ถ้าพูดให้ละเอียดก็คือพวกเรื่องอย่างเช่น ตอนไปทำงานโทรทัศน์หรือนิตยสาร ต้องพูดให้ชัดๆ ว่า "แล้วขอรบกวนอีกนะคะ" "ต่อไปก็ต้องขอรบกวนด้วยนะคะ" หรือใส่ใจว่าตอนจะกลับต้องทำห้องแต่งตัวให้สะอาดกว่าตอนที่มา ประมาณนี้ค่ะ
โนะนากะ : มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้ พูดในแง่ดีคือเพราะพูดกับพวกรุ่นพี่กันได้อย่างไม่ประหม่าเลยมีความสุขกันจริงๆ ค่ะ ทุกคนมีความรู้สึกร่วมกันว่าอยากให้รุ่นน้องได้ซึมซับเอาส่วนที่ดีๆ ไปกันค่ะ อย่างเช่น ไรรี่เองเพิ่งเข้าวงมาแต่พูดเก่งมาก ยอดไปเลยค่ะ
ฟุคุมุระ : ในอนาคตน่าจะให้ทำ MC ได้เนอะ! ตอนรุ่น 15 ทั้ง 3 คนเข้ามาก็รู้สึกว่าเป็นสมาชิกใหม่ที่เฟรชดีค่ะ แต่ไรรี่เนี่ยดูเป็นผู้ใหญ่ เหมือนพนักงานบริษัทเข้าใหม่เลยค่ะ (หัวเราะ)
ซากุระอิ : เพราะพ่อแม่เคยบอกว่าต้องพยายามพูดและมีมารยาทไว้ก่อน เพราะถึงจะทำอะไรไม่เป็นก็ไม่เป็นไรมาตั้งแต่เด็ก เลยเป็นแบบนั้นละมั้งคะ
คิตากาวะ : ก่อนหน้านี้เราเคยจัดรายการวิทยุด้วยกัน แล้วรับส่งบทสนทนากันได้ลื่นไหลมาก สุดยอดเลยค่ะ ถามไปหนึ่งแต่ตอบกลับมาสักสิบได้เลยค่ะ
――จากนี้ไป ทุกคนอยากทำมอร์นิ่ง มุสุเมะให้เป็นแบบไหนเพื่อต้อนรับปีที่ 25
ฟุคุมุระ : ฉันอยากให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าตัวเองอยากจะออกมายืนอยู่แถวหน้าค่ะ มอร์นิ่ง มุสุเมะไม่ได้มีการกำหนดตำแหน่งคนร้องหรือคนเต้นไว้ ถ้าแสดงความพยายามให้ได้เห็นมากเท่าไหร่ก็จะได้มายืนแถวหน้า เพราะพวกเรามีแต่คนใจดีเลยอยากให้โลภกันให้มากกว่านี้ค่ะ!
โนะนากะ : หลายปีมานี้เป็นช่วงโควิด เลยไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป จะคาดการณ์ไปจนถึงครบรอบ 30 ปีก็เป็นไปไม่ได้ แต่อยากให้พวกเรารับมือ(กับสิ่งเหล่านั้น)ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นค่ะ
คิตากาวะ : ในฐานะวงแล้ว ฉันคิดว่าแม้จะตั้งเป้าที่จะไปให้สูงขึ้นแล้วก็จริง แต่ก็ต้องตระหนักไว้อีกอย่างว่าต้องรักษาสภาพในปัจจุบันเอาไว้ด้วยค่ะ เพราะสภาพการณ์ตอนนี้นิ่งแล้วนี่แหละ การแสดงให้เห็นถึงความดีงามของเพอร์ฟอร์แมนซ์ได้มากขึ้นกว่าเดิมจึงถือเป็นจุดแข็งของมอร์นิ่ง มุสุเมะค่ะ
โนะนากะ : พอวงนิ่งแล้วเลยทำได้อย่างสบาย เพราะต้องการที่จะเติบโต เลยอยากจะรักษารากฐานเอาไว้พร้อมกับค่อยๆ พัฒนาไปทีละนิดสินะ
ซากุระอิ : ฉันเพิ่งเข้าวงมาค่ะ... เลยอยากให้ได้เห็นการแสดงออกที่แตกต่างไปจากปกติ แล้วก็อยากคุยกับรุ่นพี่แต่ละคนให้มากกว่านี้ค่ะ อยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงไม่มีอะไรหลอกลวงเหมือนกับเนื้อเพลง "Mukidashi de Mukiatte" ที่ฉันชอบมากค่ะ
ฟุคุมุระ : อยากให้ไรรี่จดจำความรู้สึกในตอนนี้เอาไว้นะ ตอนเป็นสมาชิกใหม่ ยิ่งมีรุ่นหลังๆ เข้ามามากเท่าไหร่ เรื่องที่ต้องจำก็มีมากขึ้นตามไปด้วยเลยลำบากสินะ มันลำบากมากจนความทรงจำของทุกคนในช่วงนี้ของทุกคนแทบจะหายไปเลยล่ะ แต่ถ้าจดจำเอาไว้แล้ว สักวันจะเป็นเรื่องเพื่อตัวเองในเวลาที่เป็นรุ่นพี่แล้ว
โนะนากะ : ตอนไรรี่มาซ้อมครั้งแรกฉันให้จดความรู้สึกนั้นเอาไว้ ตอนวันแรกของทัวร์ครั้งต่อไปจดไว้ด้วยก็ดีนะ เพราะมันจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เมื่อกลับมาดูภายหลัง ถึงจะลำบากแต่ก็อยากให้ใช้ช่วงเวลานี้อย่างมีค่าค่ะ
คิตากาวะ : ความทรงจำตอนฉันเข้าเป็นสมาชิกใหม่เองก็มีแค่ครึ่งเดียวค่ะ (หัวเราะ) เพราะฉันความสามารถแย่ที่สุดในบรรดาสมาชิกใหม่ที่เข้า Hello! Project ในช่วงหลายปีมานี้ เลยต้องเริ่มจากจับความรู้สึกจากการเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้ แน่นอนว่าฉันลำบากก็จริง แต่พวกรุ่นพี่น่าจะลำบากกว่าที่ต้องรับมือกับฉันค่ะ (หัวเราะ)
โนะนากะ : จำได้ว่ากระโดดไม่ได้ค่ะ ค่อยยังชั่วหน่อยนะที่เป็นคนที่พยายามแล้วทำได้ (หัวเราะ)
ซากุระอิ : จากนี้ไปจะเริ่มซ้อมทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว ตอนนี้ฉันกังวลมาก แต่จะพยายามค่ะ
ฟุคุมุระ : ไม่เป็นไร ไม่มีสมาชิกคนไหนที่ทำได้ตั้งแต่วันแรกหรอก! ทำใจให้สบายแล้วแสดงไปก็จะทำได้เอง
ซากุระอิ : อุ่นใจเลยค่ะ จากนี้ไปก็ขอรบกวนอีกหลายๆ อย่างเลยนะคะ!
ความเข้มแข็งและแกร่งกล้าที่คอยสนับสนุนวง
(จากซ้ายไปขวา มาคิโนะ มาเรีย ฮากะ อาคาเนะ โอดะ ซากุระ โอคามุระ โฮมาเระ อิชิดะ อายูมิ)
――ความสามารถของรุ่นพี่ รุ่นน้องใน 5 คนนี้ มองแต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้าง?
มาคิโนะ : อิชิดะซังจะชอบดูเรื่องเต้นให้รุ่นน้องอย่างละเอียด คอยให้คำแนะนำและคอยชมค่ะ
โอคามุระ : พอได้คำพูดที่อบอุ่นจากอิชิดะซังแล้วพลังมันพุ่งขึ้นมา ฉันดีใจมากค่ะที่มีคนคอยดูให้อย่างตั้งใจอยู่ใกล้ตัว
โอดะ : ฉันว่าแต่เดิมแล้วอิชิดะซังเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ก็เว้นระยะห่างกับรุ่นน้องอยู่เล็กน้อยหรือเปล่า
อิชิดะ : เรื่องนั้นฉันก็รู้ตัวนะ คุโด้ (ฮารุกะ) รุ่นเดียวกันเขาเก่งในการเข้าหารุ่นน้องเลยฝากให้เขาช่วย แต่พอจบการศึกษาไปแล้ว ฉันเลยคิดว่าต้องทำในส่วนที่เธอเคยทำให้สักทีน่ะ
โอดะ : อิชิดะซังเป็นคนที่ไม่หยุดเปลี่ยนแปลงสินะคะ ตรงนั้นวิเศษมากเลย!
ฮากะ : โอดะซังมีทักษะการสื่อสารที่วิเศษมากจริงๆ! พอมองไปก็จะเห็นโอดะซังคุยกับใครสักคนอยู่เสมอโดยไม่เกี่ยวว่าเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง แล้วก็ไปทานข้าวกับรุ่นน้องบ่อยที่สุดเลยไหมคะ?
โอดะ : เมื่อวานไปกับโฮมาเระแล้วก็ (ซากุระอิ) ริโอะจังมา ไม่ใช่ว่า(เข้าหา)เพราะฉันเป็นรุ่นพี่แล้วอยากกระชับระยะห่างหรอกนะ แต่ประมาณว่า "มีของที่อยากกินแน่ะ ไปด้วยกันไหม?" ถ้ารบกวนกันก็ต้องขอโทษด้วย (หัวเราะ)
โอคามุระ : ไม่เลยค่ะ! สนุกมากค่ะ
ฮากะ : เพราะวิธีการพูดของโอดะซังเป็นธรรมชาติ ทางนี้เองก็คุยได้หลายๆ เรื่องเลยค่ะ
มาคิโนะ : ฉันเข้าใจ! โอดะซังเป็นรุ่นพี่ที่เป็นผู้ฟังที่ดีมากค่ะ
อิชิดะ : มาเรียก็พูดว่าทำไม่ได้กับเรื่องที่(ตัวเอง)ทำไม่ได้ขึ้นมาได้แล้ว ค่อยโล่งอกหน่อย เพราะฉันก็คิดอยู่ว่า "ไม่ต้องพยายามมากเกินไปก็ได้นะ"
ฮากะ : เป็นคนดูออกง่ายเนอะคะ ตอนสนุกก็สนุกสุดๆ ท่าทางตอนนั้นน่ารักมาก!
มาคิโนะ : ฉันตอบรับความที่ทุกคนเข้าใจตัวฉันดีน่ะค่ะ ฉันทำอะไรตามใจชอบได้เพราะถึงฉันจะปาลูกบอลบ้าๆ บอๆ ตอน MC ก็จะมีใครสักคนช่วยรับให้ค่ะ (หัวเราะ)
โอคามุระ : มาคิโนะซังมาที่ชั้นเรียนแรกของพวกเรารุ่น 15 ค่ะ ถึงจะประหม่ามากเพราะมีรุ่นพี่คอยดู แต่มาคิโนะซังก็มองดูด้วยรอยยิ้ม ดีใจมากเลยค่ะ
อิชิดะ : อาคาเนะจินให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาว ตอนไอศครีมที่อิคุตะซังให้มาละลายย้วย ฉันจะร้องไห้อยู่แล้ว...
โอดะ : ตอนนั้นร้องไห้ว๊ากเลยค่ะ (หัวเราะ)
อิชิดะ : (หัวเราะ) ตอนนั้นอาคาเนะจินก็มาช่วยปลอบโอ๋ๆ แหละ~!
โอดะ : พออยู่กับอาคาเนะจินแล้วรุ่นพี่จะกลายเป็นแมวเชื่องๆ เลย (หัวเราะ)
มาคิโนะ : อาคาเนะเนี่ย ถึงมองจากรุ่นเดียวกันก็เป็นพี่สาวที่คอยเทคแคร์ดูแล ถึงจะเป็นน้องเล็กสุดในรุ่นแต่ก็ช่วยแก้ปัญหาส่วนใหญ่ให้ค่ะ
โอดะ : โฮมาเระมีความเป็นรุ่นน้องที่เป็นที่รักสูงมากๆ จนเผลอพูด "น่าร๊าก~" บ่อยๆ ช่วงนี้เริ่มชินที่ถูกชมแล้วสินะ? เมื่อวานฉันพูดแล้วโดนเมินไปเลย~ (หัวเราะ)
โอคามุระ : ไม่ได้ชินนะคะ! ที่จริงแล้วดีใจค่ะที่เป็นที่รัก แล้วก็มีความมั่นใจขึ้นด้วยค่ะ เพียงแค่ไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี... (หัวเราะ)
โอดะ : (หัวเราะ) โฮมาเระเป็นคนมองการณ์ไกลผิดกับอายุเลย ให้ความรู้สึกว่าคนเราแต่ละคนก็แตกต่างกันไป สุดยอดเลย
มาคิโนะ : พอเห็นรุ่น 15 คุยกับซากุระอิ ริโอะจังที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ก็รู้สึกว่ารุ่น 15 เองก็เป็นรุ่นพี่แล้วนะเนี่ย
โอคามุระ : กับริโอะจังเราอายุเท่ากันเลยคุยเรื่องที่โรงเรียนด้วยกันได้ ฉันอยากเป็นรุ่นพี่ที่ใกล้ชิดและคุยง่ายที่สุดค่ะ
ฮากะ : ของฉันตอนริโอะจังเข้ามาก็อยู่ในตำแหน่งคนกลางที่คอยดูแลตรงกลางแบบพอดิบพอดี ฉันชอบตำแหน่งที่ได้ยืนอยู่และมีระยะห่างกับทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องเท่าๆ กันมากค่ะ
อิชิดะ : พอคิดๆ ดูแล้วตอนฉันมีรุ่นน้องครั้งแรกก็เตรียมตัวไว้นะ ประมาณว่ารุ่น 10 มารวมตัวกันแล้วพวกเด็กๆ อายุ 16 มั่ง 13 มั่งก็คุยกันว่า "รุ่น 11 จะเข้ามาแล้ว ต้องเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ" (หัวเราะ)
โอดะ : ฉัน โอดะ ซากุระที่เข้ามาค่อนข้างจะพิเศษ การประชุมที่อุตส่าห์เตรียมไว้เลยพังไม่เป็นท่าเลยสินะคะ (หัวเราะ) ไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของรุ่นพี่เลย ถ้าเป็นตัวฉันเองก็ไม่ชอบรุ่นน้องแบบนั้นค่ะ
อิชิดะ : โดนปลุกใจให้สู้เลยว่า "ต้องพยายามไม่ให้แพ้รุ่นน้อง" (หัวเราะ)
โอดะ : ฉันเองก็ชอบการต่อสู้นะคะ (ยิ้มนิดๆ)
อิชิดะ : หวา! ท่าทีมีไฟแบบนี้ ไม่ได้เห็นนานแล้วนะเนี่ย (หัวเราะ)
ฮากะ : (หัวเราะ) มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้ห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศนุ่มนิ่มทั้งวงแบบนี้ โดยที่รุ่นพี่ไม่ได้ปล่อยบรรยากาศน่ากลัวออกมาเลยค่ะ
มาคิโนะ : เพราะพวกรุ่นพี่ให้การต้อนรับรุ่นน้องอย่างวิเศษ เลยสร้างวงที่ดีขึ้นมาได้เนอะคะ
อิชิดะ : ทุกคนอยู่ในบรรยากาศดีที่สามารถแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาตินี่เนอะ ฟุคุมุระซังเคยบอกว่าให้มองว่าการแสดงความคิดเห็นเรื่องวงมาจาก "ฟุคุมุระ มิสึกิ" สมาชิกคนหนึ่งของวง ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งลีดเดอร์หรือซับลีดเดอร์ แล้วทุกคนจะช่วยกันเสนอความเห็น ควรทำในเรื่องที่อยากทำ เพราะไม่มีเราจะไม่มีทางพูดว่า เพราะเป็นรุ่นน้องเลยห้ามพูดเรื่องนี้ เด็ดขาด
―― หลังจากนี้อยากสนับสนุนวงต่อไปในรูปแบบไหน?
โอคามุระ : แม้ฉันจะมีรุ่นน้องแล้ว แต่เมื่อมองมองขึ้นไปก็ยังมีรุ่นพี่อีกมากมายที่คอยสนับสนุนฉันอยู่ ฉันเลยตั้งใจว่าจะไม่หยุดเติบโตและเดินหน้าต่อไปในแบบของตัวเองค่ะ
มาคิโนะ : ยังคงรักษาธรรมเนียมไว้... เพื่อให้มอร์นิ่งยังคงอยู่ต่อไปได้หลังจากนี้อีกหลายสิบปี... ถ้าฉันจะได้อุทิศตัวในด้านที่ฉันถนัดอย่างเบสบอลได้จะดีใจมากค่ะ
ฮากะ : ของฉันตอนนี้อยู่ในตำแหน่งตรงกลางระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง เลยอยากจะดึงเอาเสน่ห์ของสมาชิกที่ค้นพบออกมาผ่านทาง MC และอยากจะส่งมอบความรักที่มีต่อมอร์นิ่ง มุสุเมะต่อไปอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ
โอดะ : ฉันว่ามอร์นิ่ง มุสุเมะคือวงที่ไม่มีแนวคิดว่ามีคนที่ร้องเพลงหรือเต้นดีหรือแย่ค่ะ ฉันอยากทำกิจกรรมต่อไปโดยให้คนดูรู้สึกว่า ถึงจะเอาดนตรีหรือจังหวะออกไป ก็ยังแสดงออกถึงความเป็นตัวเองด้วยพลังเท่าที่มีได้! เป็นเสน่ห์ที่มีเฉพาะในตัวคนคนนี้เท่านั้น ให้คนดูรู้สึกว่า "สดชื่นขึ้นมากเลย!" "พรุ่งนี้ก็จะพยายาม" ค่ะ
อิชิดะ : ฉันอยากสร้างรูปแบบของวงใหม่เพื่อให้มอร์นิ่ง มุสุเมะเหมาะสมที่จะแสดงในสถานที่ใหญ่ๆ เช่นนั้น โดยไม่ถูกคิดว่า "จะไหวหรือ?!" เมื่อจะได้แสดงที่อารีน่าค่ะ ตัวฉันเองชอบการแสดงในมอร์นิ่ง มุสุเมะมากก็จริง แต่การได้เห็นทุกคนบนเวทีมันเท่มากเลยล่ะค่ะ!
เอกลักษณ์ที่ส่องประกายด้วยเสน่ห์จากภายใน
――เหตุผลที่เลือกทุกคนที่อยู่ตรงนี้... คือเป็นกลุ่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวน่ะ
โยโกยามะ : เอ๊ะ เรา 4 คนนี่เป็น "พวกมีเอกลักษณ์" เหรอคะ!?
อิคุตะ : โยโกะกับฉันเป็นสองตัวแม่ไอดอลตามขนบเลยเนอะ~?
คากะ : เพราะคนที่คิดแบบนั้นก็มีแค่สองคนนี้แหละค่ะ (หัวเราะ) คนที่มีเอกลักษณ์จ๋าๆ เนี่ยจะไม่รู้ตัวหรอกว่าเป็นพวกมีเอกลักษณ์เนอะคะ รวมถึงฉันกับเมจังด้วย
อิคุตะ : ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของวงไอดอล การมีคาแรคเตอร์ถือเป็นเรื่องดีเนอะ ในกรณีของเอริ แทนที่จะใช้คำพูดแบบเจตนา สู้ใช้คำคำเดียวแบบไม่ตั้งใจอย่าง "แม่มดเอริป้ง" จะอิมแพคกว่า และรู้สึกว่านั่นคือเอกลักษณ์ด้วย ดังนั้นเลยไม่ฝืนสร้างคาแรคเตอร์ขึ้นมา
โยโกยามะ : ของฉันตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเป็นไอดอลตามขนบผมดำนะคะ แต่การจะรักษาตัวเองที่ไม่ได้เป็นตัวเองเอาไว้เรื่อยๆ เนี่ยมันยากเนอะคะ... เลยปลดปล่อยตัวเองในแบบที่เป็น แล้วผลที่ออกมาก็คือตอนนี้!
อิคุตะ : โยโกะน่ะ "ดั้งเดิม" เลยนี่นะ ในห้องแต่งตัวก็หนวกหูสุดๆ (หัวเราะ)
คากะ : ฮ่าๆๆ! ถ้าจะพูดถึงเอกลักษณ์แรกสุดที่ทราบก่อนใครเพื่อน ก็ต้องเป็นรูปลักษณ์ที่มองเห็นเนอะคะ ตัวฉันเองมีคนจำได้จากผมสั้นเยอะ ก็เลยรักษาไว้เป็นเครื่องหมายการค้าค่ะ
โยโกยามะ : แก็ปอย่างผมสั้นและดูเข้มงวดก็จริงแต่ที่จริงแล้วบ้าของหวาน! ก็เป็นเสน่ห์ของคากะเหมือนกันนี่นะ
อิคุตะ : "ผมทรงแพนด้า" ของเมจังเองก็เหมือนกันใช่ไหม?
ยามาซากิ : ค่ะ! ฉันชอบแพนด้า เลยทำผมทรงแพนด้วยด้วยการมัดจุกสองข้างให้คนจำได้ด้วย ดีใจเลยอะค่ะ
อิคุตะ : ใช่แล้ว เมจังเนี่ยกับรุ่นพี่ก็ชอบลงท้ายประโยคว่า "◯◯อะค่ะ" และนั่นก็มีความ "เหมาะสม" ที่ไม่คลอนแคลนด้วยเลย ไม่ได้ถือว่าเสียมารยาทอะไรนะ
โยโกยามะ : พอพูดถึงทรงผม ผมสีชมพูของอิคุตะซัง! สวยมากเลย
อิคุตะ : ทรงนั้นน่ะ ทำเพราะสตาฟฟ์บอกว่า "ทำผมสีเขียวเหลืองไหม?" ฉันเลยบอกไปว่า "สีเขียวน่ะไม่เอา... (หัวเราะ) แต่ถ้าชมพูน่ะได้"
โยโกยามะ : แล้วตอนนี้ฉันก็รับหน้าที่เป็นคนทำผมสีสว่าง แม้จะคำนึงถึงความรู้สึกของแฟนๆ ที่ชอบผมสีดำด้วยก็จริงแต่ฉันอยากแสดงเอกลักษณ์ด้วย... ดังนั้นเลยใช้ 2 สีให้ด้านบนดำๆ แล้วด้านล่างเป็นโทนสว่าง (หัวเราะ)
ทั้งสามคน : ฮ่าๆๆ! นับถือเลย!
โยโกยามะ : แถมยังเป็นแบบ 8:2 แบบให้ความสำคัญกับความรู้สึกแฟนๆ ด้วย (หัวเราะ) แต่หลังจากโฟกัสกับรูปลักษณ์ภายนอกแล้วจะดึงเอาความสามารถที่แท้จริงออกมาได้อย่างไร สุดท้ายแล้วการเติบโตในด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ก็เป็นกุญแจสำคัญแหละนะ ฉันเองอยากเก่งด้านการพูดให้มากขึ้น พอดูโทรทัศน์หรือฟังวิทยุก็จะเรียนรู้ไปโดยไม่รู้ตัว เช่น "วิธีพูดแบบนี้วิเศษไปเลยนะเนี่ย"
คากะ : ฉันเองก็พยายามจะไม่ขี้เกียจศึกษาด้านเทคนิคค่ะ ทั้งสมาชิกของมอร์นิ่ง มุสุเมะ ทั้งแฟนๆ ต่างก็คิดเหมือนกันว่า "ชอบเพลงของซึงคุ♂ซัง!" ดังนั้นฉันเลยอยากแสดงโลกที่ทุกคนชอบออกมาให้ได้ดี... นี่ฉันจริงจังอยู่คนเดียวหรือไง (หัวเราะ)
ทั้งสามคน : หุๆๆ... (มองด้วยสายตาอบอุ่น)
คากะ : แต่ฉันพูดไม่เก่ง... จะสื่อความรู้สึกนี้ได้ไหมเนี่ย
ยามาซากิ : อ๊า เมก็เหมือนกันค่ะ...
อิคุตะ : เอริเองถ้าไม่พูดก็จะโดนคิดว่า "น่ากลัว" เอาเหมือนกันแหละนะ
ยามาซากิ : ก็จริงอยู่ที่ตอนนี้คิดว่าเป็นพี่สาวแหละค่ะ แต่ตอนสมัยเป็นเด็กฝึกนี่เข้าหายากมากเลยค่ะ... (หัวเราะ)
อิคุตะ : ฮ่าๆ เพราะงั้นฉันก็เลยคิดหาวิธีพูดที่จะสื่อสิ่งที่คิดออกไปได้แทน อย่างการเขียนเป็นตัวอักษรในพวกบล็อกเนี่ยมันสื่ออารมณ์ได้ยาก เลยพยายามที่จะพูดคำขอบคุณออกไปด้วยเสียงตัวเองในที่ที่สามารถพูดได้อย่างสุดความสามารถ
โยโกยามะ : อิคุตะซังตั้งใจพูดขอบคุณหลังจบไลฟ์อย่างจริงจังจริงๆ เลยละค่ะ
ยามาซากิ : ในกรณีของฉัน ฉันพูดไม่เก่งก็จริง แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพไอดอลที่ตัวเองคิดในบล็อก เลยตั้งใจอัพทุกวันค่ะ…!!
ทั้งสามคน : เก่งมาก! (ปรบมือ)
อิคุตะ : ช่วงนี้ฉันชอบการแกล้งแหย่คิตากาวะ (ริโอะ) ที่รักของเมจัง (หัวเราะ) เมจังทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มตอนคิตากาวะเต้นช้ากว่าในไลฟ์ (หัวเราะ) ตอนนั้นจะมองมาที่เอริสินะ?
ยามาซากิ : ...เหมือนจะมองนะ!
อิคุตะ : ท่าทางแบบเด็กขี้แกล้งอย่างนั้นก็น่ารัก! ดังนั้นถ้าเอริดึง "แบล็กเมจัง" ออกมาได้แล้วต้องจบการศึกษาเสียที เพราะมันจะเป็นเอกลักษณ์อันใหม่ของเมจังด้วย
ยามาซากิ : ขอบคุณค่ะ! แต่สมาชิกคนอื่นก็มีเอกลักษณ์เพียงพอแล้วเนอะคะ ฉันชอบมาคิโนะ (มาเรีย) ซังมากเลยค่ะ ที่จู่ๆ จะพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับที่คุยกันอยู่เลยออกมา
คากะ : เข้าใจเลย~ ฉันเองช่วงนี้ก็ JK เกิน (โอคามุระ) โฮมาเระตลกเกินไป…!
อิคุตะ : น่ารักสุดๆ เลยเนอะตอนที่ไม่ว่าจะถามอะไรก็จะตอบประมาณว่า "เอ๋ แจ๋วไปเลยเนอะ?" ในระหว่างที่ทาลิปแบบไม่หันมามองทางนี้ (หัวเราะ)
โยโกยามะ : ของฉันคือฟุคุมุระ (มิสึกิ) ซังค่ะ เป็นคนที่มีภาพจำที่สง่างามมากในฐานะลีดเดอร์... แต่ที่จริงแล้วเป็นคนชอบแกล้งมากที่สุดเลยเนอะคะ!?
ทั้งสามคน : ฮ่าๆๆๆ!!!
คากะ : ทั้งที่ใส่ชุดวันพีซเหมือนคุณหนู แต่กลับเล่นเกมยิงสู้กันในมือถือร้อง "ว๊ากๆๆๆๆ!" งี้
โยโกยามะ : แก็ประหว่างภาพที่เห็นกับเสียง (หัวเราะ)
―― จะเรียกมอร์นิ่ง มุสุเมะที่รวมคนมีเอกลักษณ์เข้าด้วยกันแบบนั้นออกมาในลักษณะไหน?
อิคุตะ : อืม การเลือกเวทีแสดงที่เข้ากับสมาชิกแต่ละคนให้สอดคล้องกับลักษณะพิเศษของ SNS หลายๆ แบบก็น่าจะสำคัญนะ
ทั้งสามคน : (จ๊อกแจ๊ก) ตั้งใจใส่ใจมาก!
คากะ : ก็จริงนะ... ฉันถ่ายรูปลงอินสตาแกรมมุมเดิมๆ ตลอดเลย...
โยโกยามะ : ของกินก็อัพแต่พวกพุดดิ้งงี้ (หัวเราะ)
คากะ : ...ตัวฉันเองพยายามเต้นใน TikTok ค่ะ!
ยามาซากิ : หุๆๆ...
โยโกยามะ : อ๊ะ เมจังโดนจี้ต่อมฮาเข้าซะแล้ว (หัวเราะ)
อิคุตะ : คากะพยายามใน TikTok อยู่ โยโกะก็มีสกิลการพูดในโทรทัศน์ ส่วนฉันเองชอบยูทูปเบอร์จนแทบอยากตัดต่อวีดีโอเลย! เพราะยูทูปสามารถกำหนดความยาวได้อย่างอิสระ น่าจะช่วยให้เห็นความตลกของเมจังได้มากขึ้นนะ! มีที่แสดงออกที่เหมาะกับแต่ละคน ส่วนในไลฟ์ก็อยากให้การแสดงในแบบของพวกเราประสบความสำเร็จในแบบที่เคยเป็นมาเนอะ
ยามาซากิ : พูดถึงไลฟ์แล้วฉันยังไม่ได้ไปเข้าร่วมไลฟ์ในต่างประเทศเลย... ดังนั้นตอนไปต่างประเทศครั้งแรก ฉันอยากไปทำกิจกรรมในฐานะมอร์นิ่ง มุสุเมะค่ะ!
อิคุตะ : งั้นก่อนอื่น ถ้ามีที่ที่ให้แสดงความขอบคุณแก่แฟนๆ ทุกคนที่ละคนทั่วโลกทางออนไลน์ก็น่าจะเข้าใกล้ความฝันไปได้ก้าวนึงนะ!
โยโกยามะ : อืม เพราะมีเอกลักษณ์สำหรับโบยบินไปทั่วโลกรวมกันอยู่ที่นี่แล้ว อยากให้คาดหวังกับการทำกิจกรรม(ของพวกเราหลังจากนี้ไป)ค่ะ!
♬♬♬♬♬♬♬♬♬♬ ♬♬♬♬♬♬♬♬♬♬ ♬♬♬♬♬♬♬♬♬♬
ข้อความพิเศษจากซึงคุ♂
ย่างก้าวของมอร์นิ่ง มุสุเมะกับตำแหน่งในปัจจุบันของพวกเธอ
เพราะอ่านระหว่างบรรทัดกันได้ จึงอยากเขียนเพลงดีๆ
จะแต่งงาน ลาคลอด หยุดเลี้ยงลูก แล้วกลับมาอีกก็ได้
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก ananweb : - LINK1 - ⁑ - LINK2 - ⁑ - LINK3 -
0 Comments