[TRANS] Morning Musume'22 Interview & Tsunku's Message in anan No.2319

 

     สวัสดีค่ะ เนื่องในโอกาสที่มอร์นิ่ง มุสุเมะ ครบรอบ 25 ปีของการก่อตั้งวง ช่วงนี้เลยมีบทสัมภาษณ์ของวงออกมาค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ในฐานะที่เราเองก็ตามมอร์นิ่งและค่ายฮาโหลโปรมาอย่างยาวนาน เลยถือโอกาสนี้หยิบเอาบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจหลายๆ ชิ้นมาแปลนะคะ ใจจริงแล้วเรามีที่อยากแปลเยอะมากๆ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง อาจจะแปลและลงเยอะมากไม่ไหว แต่ยังไงจะพยายามทำเท่าที่ทำได้ค่ะ 


     สำหรับคราวนี้ เราเริ่มต้นด้วยบทสัมภาษณ์จากนิตยสาร anan กันก่อนเลย เนื่องจากในฉบับนี้มีปกพิเศษ รวมถึงสัมภาษณ์ค่อนข้างยาว รูปสวยและเยอะ ทั้งยังมีข้อความจากซึงคุซังด้วย เลยหยิบเอาส่วนของสัมภาษณ์รวม + ข้อความของซึงคุซังมาแปลค่ะ นอกจากนี้แล้วในเล่มยังมีที่คุยแยกรายคนอีก หากใครสนใจสามารถตามไปซื้อมาอ่านกันได้ตามลิงค์นี้ค่ะ ปกพิเศษ ปกธรรมดา

     ในส่วนของบทสัมภาษณ์รวมนั้น ทาง anan ได้มีการเอาลงในเว็บแบบแยกเป็น 3 กลุ่ม 3 ลิงค์ให้ได้อ่านกันทางออนไลน์ด้วย แต่ของซึงคุซังจะลงในนิตยสารอย่างเดียว ไม่มีลงเว็บ ซึ่งเราขอรวมทุกอันมาอยู่ในเอนทรี่นี้เอนทรี่เดียวเพื่อความสะดวกในการอ่านค่ะ อาจจะยาว (ไม่) สักนิดนะคะ


     และก่อนจะเข้าเรื่องกัน เราขอชี้แจงก่อนเหมือนทุกครั้งว่าเราแปลแบบไม่ได้เป๊ะมาก แปลเพื่อฝึกด้วยแพชชั่นส่วนตัว เอาตามความเข้าใจและพยายามเรียบเรียงให้อ่านง่ายเท่าที่จะทำได้ ถ้ามีความผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ


*ห้ามนำบทแปลในบล็อกนี้ไปโพสต์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต*


  ธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น  

(จากซ้ายไปขวา ซากุระอิ ริโอะ โนะนากะ มิกิ ฟุคุมุระ มิสึกิ คิตากาวะ ริโอะ)


――หากพูดถึงธรรมเนียมของมอร์นิ่ง มุสุเมะแล้ว ระบบ "การสอน" เองน่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน และผู้รับหน้าที่สอนซากุระอิซังที่เพิ่งเข้ามาเป็นรุ่น 16 นั้นคือโนะนากะซังสินะ

โนะนากะ : ใช่ค่ะ เพราะจนถึงตอนนี้จะมีภาพว่าคนที่รับหน้าที่สอนจะเป็นรุ่นใกล้ๆ กัน พอตัวเองได้รับมอบหมายก็ตกใจเลยค่ะ แต่ไม่ใช่การสอนตัวต่อตัว มีรุ่น 15 เข้ามาร่วมด้วย เลยรู้สึกว่าได้สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นไปพร้อมกับสอนอะไรหลายๆ อย่างด้วยค่ะ

ซากุระอิ : สิ่งที่ฉันถูกสอนมาทุกเรื่องมีแต่เรื่องน่าตกใจ... อย่างเช่นสอนว่าต้องพูด "อรุณสวัสดิ์" แม้จะเป็นกลางคืน  หรือต้องพูดว่า "เหนื่อยแย่เลยนะคะ" กับสตาฟฟ์ทีละคนค่ะ

ฟุคุมุระ : เราจะถ่ายทอดเรื่องที่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเราให้กับสมาชิกใหม่ทุกครั้งค่ะ แล้วก็จะถ่ายทอดเรื่องที่พวกรุ่นพี่เน้นย้ำเรามาอย่างดีด้วย อย่างเรื่องที่เป็นธรรมเนียมเช่น "ไมค์สำคัญเท่าชีวิต" หรือ "การทักทายต้องเสียงดังที่สุด" ค่ะ

คิตากาวะ : ตัวฉันเองตอนเข้าวงมาก็ได้รับการสอนการใช้คำที่จะไม่ได้ใช้จนกว่าจะเป็นผู้ใหญ่มา เลยต้องใส่ใจหน่อยค่ะ อย่างเช่นก่อนจะอัพบล็อกต้องส่งไปหาคุณผู้จัดการว่า "รบกวนช่วยเช็กหน่อยนะคะ" เรียกได้ว่าได้รับการปฎิบัติเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้วเลยค่ะ

ฟุคุมุระ : ตอนฉันเข้าวงฉันโดนโกรธก่อนจะสอนกันเสียอีกค่ะ (หัวเราะ) โดนโกรธว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่รู้ก็จริง แต่พอเข้ามอร์นิ่ง มุสุเมะแล้วทำแบบนั้นไม่ได้ อย่างเช่น ตอนอัดรายการห้ามถือบทไปด้วย หรือเป็นรุ่นน้องแท้ๆ แต่ไม่ไปยืดกล้ามเนื้อก่อนคนแรก กังวลสุดๆ ไปเลยค่ะ (หัวเราะ) ดังนั้นตอนรุ่น 12 เข้ามา ฉันเลยคิดว่าต้องสอน(เรื่องพวกนี้)ก่อนค่ะ

โนะนากะ : ฉันเองก็โดนโกรธบ่อยค่ะ... (หัวเราะ) เลยบอกเรื่องที่จำเป็นทั้งหมดกับไรรี่ (ซากุระอิ) ไปวันก่อน แล้วคนหลายคนก็จะพูดกันหลายแบบ เพื่อไม่ให้ไรรี่สับสน เลยมีการทำกรุ๊ปไลน์ของสมาชิกเพื่อแชร์กันว่า "วันนี้สอนเรื่องนี้ไปนะ" ค่ะ

ฟุคุมุระ : ถ้าพูดให้ละเอียดก็คือพวกเรื่องอย่างเช่น ตอนไปทำงานโทรทัศน์หรือนิตยสาร ต้องพูดให้ชัดๆ ว่า "แล้วขอรบกวนอีกนะคะ" "ต่อไปก็ต้องขอรบกวนด้วยนะคะ" หรือใส่ใจว่าตอนจะกลับต้องทำห้องแต่งตัวให้สะอาดกว่าตอนที่มา ประมาณนี้ค่ะ

โนะนากะ : มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้ พูดในแง่ดีคือเพราะพูดกับพวกรุ่นพี่กันได้อย่างไม่ประหม่าเลยมีความสุขกันจริงๆ ค่ะ ทุกคนมีความรู้สึกร่วมกันว่าอยากให้รุ่นน้องได้ซึมซับเอาส่วนที่ดีๆ ไปกันค่ะ อย่างเช่น ไรรี่เองเพิ่งเข้าวงมาแต่พูดเก่งมาก ยอดไปเลยค่ะ

ฟุคุมุระ : ในอนาคตน่าจะให้ทำ MC ได้เนอะ! ตอนรุ่น 15 ทั้ง 3 คนเข้ามาก็รู้สึกว่าเป็นสมาชิกใหม่ที่เฟรชดีค่ะ แต่ไรรี่เนี่ยดูเป็นผู้ใหญ่ เหมือนพนักงานบริษัทเข้าใหม่เลยค่ะ (หัวเราะ)

ซากุระอิ : เพราะพ่อแม่เคยบอกว่าต้องพยายามพูดและมีมารยาทไว้ก่อน เพราะถึงจะทำอะไรไม่เป็นก็ไม่เป็นไรมาตั้งแต่เด็ก เลยเป็นแบบนั้นละมั้งคะ

คิตากาวะ : ก่อนหน้านี้เราเคยจัดรายการวิทยุด้วยกัน แล้วรับส่งบทสนทนากันได้ลื่นไหลมาก สุดยอดเลยค่ะ ถามไปหนึ่งแต่ตอบกลับมาสักสิบได้เลยค่ะ


――จากนี้ไป ทุกคนอยากทำมอร์นิ่ง มุสุเมะให้เป็นแบบไหนเพื่อต้อนรับปีที่ 25

ฟุคุมุระ : ฉันอยากให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าตัวเองอยากจะออกมายืนอยู่แถวหน้าค่ะ มอร์นิ่ง มุสุเมะไม่ได้มีการกำหนดตำแหน่งคนร้องหรือคนเต้นไว้ ถ้าแสดงความพยายามให้ได้เห็นมากเท่าไหร่ก็จะได้มายืนแถวหน้า เพราะพวกเรามีแต่คนใจดีเลยอยากให้โลภกันให้มากกว่านี้ค่ะ!

โนะนากะ : หลายปีมานี้เป็นช่วงโควิด เลยไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป จะคาดการณ์ไปจนถึงครบรอบ 30 ปีก็เป็นไปไม่ได้ แต่อยากให้พวกเรารับมือ(กับสิ่งเหล่านั้น)ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นค่ะ

คิตากาวะ : ในฐานะวงแล้ว ฉันคิดว่าแม้จะตั้งเป้าที่จะไปให้สูงขึ้นแล้วก็จริง แต่ก็ต้องตระหนักไว้อีกอย่างว่าต้องรักษาสภาพในปัจจุบันเอาไว้ด้วยค่ะ เพราะสภาพการณ์ตอนนี้นิ่งแล้วนี่แหละ การแสดงให้เห็นถึงความดีงามของเพอร์ฟอร์แมนซ์ได้มากขึ้นกว่าเดิมจึงถือเป็นจุดแข็งของมอร์นิ่ง มุสุเมะค่ะ

โนะนากะ : พอวงนิ่งแล้วเลยทำได้อย่างสบาย เพราะต้องการที่จะเติบโต เลยอยากจะรักษารากฐานเอาไว้พร้อมกับค่อยๆ พัฒนาไปทีละนิดสินะ

ซากุระอิ : ฉันเพิ่งเข้าวงมาค่ะ... เลยอยากให้ได้เห็นการแสดงออกที่แตกต่างไปจากปกติ แล้วก็อยากคุยกับรุ่นพี่แต่ละคนให้มากกว่านี้ค่ะ อยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงไม่มีอะไรหลอกลวงเหมือนกับเนื้อเพลง "Mukidashi de Mukiatte" ที่ฉันชอบมากค่ะ

ฟุคุมุระ : อยากให้ไรรี่จดจำความรู้สึกในตอนนี้เอาไว้นะ ตอนเป็นสมาชิกใหม่ ยิ่งมีรุ่นหลังๆ เข้ามามากเท่าไหร่ เรื่องที่ต้องจำก็มีมากขึ้นตามไปด้วยเลยลำบากสินะ มันลำบากมากจนความทรงจำของทุกคนในช่วงนี้ของทุกคนแทบจะหายไปเลยล่ะ แต่ถ้าจดจำเอาไว้แล้ว สักวันจะเป็นเรื่องเพื่อตัวเองในเวลาที่เป็นรุ่นพี่แล้ว

โนะนากะ : ตอนไรรี่มาซ้อมครั้งแรกฉันให้จดความรู้สึกนั้นเอาไว้ ตอนวันแรกของทัวร์ครั้งต่อไปจดไว้ด้วยก็ดีนะ เพราะมันจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เมื่อกลับมาดูภายหลัง ถึงจะลำบากแต่ก็อยากให้ใช้ช่วงเวลานี้อย่างมีค่าค่ะ

คิตากาวะ : ความทรงจำตอนฉันเข้าเป็นสมาชิกใหม่เองก็มีแค่ครึ่งเดียวค่ะ (หัวเราะ) เพราะฉันความสามารถแย่ที่สุดในบรรดาสมาชิกใหม่ที่เข้า Hello! Project ในช่วงหลายปีมานี้ เลยต้องเริ่มจากจับความรู้สึกจากการเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้ แน่นอนว่าฉันลำบากก็จริง แต่พวกรุ่นพี่น่าจะลำบากกว่าที่ต้องรับมือกับฉันค่ะ (หัวเราะ)

โนะนากะ : จำได้ว่ากระโดดไม่ได้ค่ะ ค่อยยังชั่วหน่อยนะที่เป็นคนที่พยายามแล้วทำได้ (หัวเราะ)

ซากุระอิ : จากนี้ไปจะเริ่มซ้อมทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว ตอนนี้ฉันกังวลมาก แต่จะพยายามค่ะ

ฟุคุมุระ : ไม่เป็นไร ไม่มีสมาชิกคนไหนที่ทำได้ตั้งแต่วันแรกหรอก! ทำใจให้สบายแล้วแสดงไปก็จะทำได้เอง

ซากุระอิ : อุ่นใจเลยค่ะ จากนี้ไปก็ขอรบกวนอีกหลายๆ อย่างเลยนะคะ!



  ความเข้มแข็งและแกร่งกล้าที่คอยสนับสนุนวง  


(จากซ้ายไปขวา มาคิโนะ มาเรีย ฮากะ อาคาเนะ โอดะ ซากุระ โอคามุระ โฮมาเระ อิชิดะ อายูมิ)


――ความสามารถของรุ่นพี่ รุ่นน้องใน 5 คนนี้ มองแต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้าง?

มาคิโนะ : อิชิดะซังจะชอบดูเรื่องเต้นให้รุ่นน้องอย่างละเอียด คอยให้คำแนะนำและคอยชมค่ะ

โอคามุระ : พอได้คำพูดที่อบอุ่นจากอิชิดะซังแล้วพลังมันพุ่งขึ้นมา ฉันดีใจมากค่ะที่มีคนคอยดูให้อย่างตั้งใจอยู่ใกล้ตัว

โอดะ : ฉันว่าแต่เดิมแล้วอิชิดะซังเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ก็เว้นระยะห่างกับรุ่นน้องอยู่เล็กน้อยหรือเปล่า

อิชิดะ : เรื่องนั้นฉันก็รู้ตัวนะ คุโด้ (ฮารุกะ) รุ่นเดียวกันเขาเก่งในการเข้าหารุ่นน้องเลยฝากให้เขาช่วย แต่พอจบการศึกษาไปแล้ว ฉันเลยคิดว่าต้องทำในส่วนที่เธอเคยทำให้สักทีน่ะ

โอดะ : อิชิดะซังเป็นคนที่ไม่หยุดเปลี่ยนแปลงสินะคะ ตรงนั้นวิเศษมากเลย!

ฮากะ : โอดะซังมีทักษะการสื่อสารที่วิเศษมากจริงๆ! พอมองไปก็จะเห็นโอดะซังคุยกับใครสักคนอยู่เสมอโดยไม่เกี่ยวว่าเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง แล้วก็ไปทานข้าวกับรุ่นน้องบ่อยที่สุดเลยไหมคะ?

โอดะ : เมื่อวานไปกับโฮมาเระแล้วก็ (ซากุระอิ) ริโอะจังมา ไม่ใช่ว่า(เข้าหา)เพราะฉันเป็นรุ่นพี่แล้วอยากกระชับระยะห่างหรอกนะ แต่ประมาณว่า "มีของที่อยากกินแน่ะ ไปด้วยกันไหม?" ถ้ารบกวนกันก็ต้องขอโทษด้วย (หัวเราะ)

โอคามุระ : ไม่เลยค่ะ! สนุกมากค่ะ

ฮากะ : เพราะวิธีการพูดของโอดะซังเป็นธรรมชาติ ทางนี้เองก็คุยได้หลายๆ เรื่องเลยค่ะ

มาคิโนะ : ฉันเข้าใจ! โอดะซังเป็นรุ่นพี่ที่เป็นผู้ฟังที่ดีมากค่ะ

อิชิดะ : มาเรียก็พูดว่าทำไม่ได้กับเรื่องที่(ตัวเอง)ทำไม่ได้ขึ้นมาได้แล้ว ค่อยโล่งอกหน่อย เพราะฉันก็คิดอยู่ว่า "ไม่ต้องพยายามมากเกินไปก็ได้นะ"

ฮากะ : เป็นคนดูออกง่ายเนอะคะ ตอนสนุกก็สนุกสุดๆ ท่าทางตอนนั้นน่ารักมาก!

มาคิโนะ : ฉันตอบรับความที่ทุกคนเข้าใจตัวฉันดีน่ะค่ะ ฉันทำอะไรตามใจชอบได้เพราะถึงฉันจะปาลูกบอลบ้าๆ บอๆ ตอน MC ก็จะมีใครสักคนช่วยรับให้ค่ะ (หัวเราะ) 

โอคามุระ : มาคิโนะซังมาที่ชั้นเรียนแรกของพวกเรารุ่น 15 ค่ะ ถึงจะประหม่ามากเพราะมีรุ่นพี่คอยดู แต่มาคิโนะซังก็มองดูด้วยรอยยิ้ม ดีใจมากเลยค่ะ

อิชิดะ : อาคาเนะจินให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาว ตอนไอศครีมที่อิคุตะซังให้มาละลายย้วย ฉันจะร้องไห้อยู่แล้ว...

โอดะ : ตอนนั้นร้องไห้ว๊ากเลยค่ะ (หัวเราะ)

อิชิดะ : (หัวเราะ) ตอนนั้นอาคาเนะจินก็มาช่วยปลอบโอ๋ๆ แหละ~!

โอดะ : พออยู่กับอาคาเนะจินแล้วรุ่นพี่จะกลายเป็นแมวเชื่องๆ เลย (หัวเราะ)

มาคิโนะ : อาคาเนะเนี่ย ถึงมองจากรุ่นเดียวกันก็เป็นพี่สาวที่คอยเทคแคร์ดูแล ถึงจะเป็นน้องเล็กสุดในรุ่นแต่ก็ช่วยแก้ปัญหาส่วนใหญ่ให้ค่ะ

โอดะ : โฮมาเระมีความเป็นรุ่นน้องที่เป็นที่รักสูงมากๆ จนเผลอพูด "น่าร๊าก~" บ่อยๆ ช่วงนี้เริ่มชินที่ถูกชมแล้วสินะ? เมื่อวานฉันพูดแล้วโดนเมินไปเลย~ (หัวเราะ)

โอคามุระ : ไม่ได้ชินนะคะ! ที่จริงแล้วดีใจค่ะที่เป็นที่รัก แล้วก็มีความมั่นใจขึ้นด้วยค่ะ เพียงแค่ไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี... (หัวเราะ)

โอดะ : (หัวเราะ) โฮมาเระเป็นคนมองการณ์ไกลผิดกับอายุเลย ให้ความรู้สึกว่าคนเราแต่ละคนก็แตกต่างกันไป สุดยอดเลย

มาคิโนะ : พอเห็นรุ่น 15 คุยกับซากุระอิ ริโอะจังที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ก็รู้สึกว่ารุ่น 15 เองก็เป็นรุ่นพี่แล้วนะเนี่ย

โอคามุระ : กับริโอะจังเราอายุเท่ากันเลยคุยเรื่องที่โรงเรียนด้วยกันได้ ฉันอยากเป็นรุ่นพี่ที่ใกล้ชิดและคุยง่ายที่สุดค่ะ

ฮากะ : ของฉันตอนริโอะจังเข้ามาก็อยู่ในตำแหน่งคนกลางที่คอยดูแลตรงกลางแบบพอดิบพอดี ฉันชอบตำแหน่งที่ได้ยืนอยู่และมีระยะห่างกับทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องเท่าๆ กันมากค่ะ

อิชิดะ : พอคิดๆ ดูแล้วตอนฉันมีรุ่นน้องครั้งแรกก็เตรียมตัวไว้นะ ประมาณว่ารุ่น 10 มารวมตัวกันแล้วพวกเด็กๆ อายุ 16 มั่ง 13 มั่งก็คุยกันว่า "รุ่น 11 จะเข้ามาแล้ว ต้องเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ" (หัวเราะ)

โอดะ : ฉัน โอดะ ซากุระที่เข้ามาค่อนข้างจะพิเศษ การประชุมที่อุตส่าห์เตรียมไว้เลยพังไม่เป็นท่าเลยสินะคะ (หัวเราะ) ไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของรุ่นพี่เลย ถ้าเป็นตัวฉันเองก็ไม่ชอบรุ่นน้องแบบนั้นค่ะ

อิชิดะ : โดนปลุกใจให้สู้เลยว่า "ต้องพยายามไม่ให้แพ้รุ่นน้อง" (หัวเราะ)

โอดะ : ฉันเองก็ชอบการต่อสู้นะคะ (ยิ้มนิดๆ)

อิชิดะ : หวา! ท่าทีมีไฟแบบนี้ ไม่ได้เห็นนานแล้วนะเนี่ย (หัวเราะ)

ฮากะ : (หัวเราะ) มอร์นิ่ง มุสุเมะในตอนนี้ห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศนุ่มนิ่มทั้งวงแบบนี้ โดยที่รุ่นพี่ไม่ได้ปล่อยบรรยากาศน่ากลัวออกมาเลยค่ะ

มาคิโนะ : เพราะพวกรุ่นพี่ให้การต้อนรับรุ่นน้องอย่างวิเศษ เลยสร้างวงที่ดีขึ้นมาได้เนอะคะ

อิชิดะ : ทุกคนอยู่ในบรรยากาศดีที่สามารถแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาตินี่เนอะ ฟุคุมุระซังเคยบอกว่าให้มองว่าการแสดงความคิดเห็นเรื่องวงมาจาก "ฟุคุมุระ มิสึกิ" สมาชิกคนหนึ่งของวง ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งลีดเดอร์หรือซับลีดเดอร์ แล้วทุกคนจะช่วยกันเสนอความเห็น ควรทำในเรื่องที่อยากทำ เพราะไม่มีเราจะไม่มีทางพูดว่า เพราะเป็นรุ่นน้องเลยห้ามพูดเรื่องนี้ เด็ดขาด


―― หลังจากนี้อยากสนับสนุนวงต่อไปในรูปแบบไหน?

โอคามุระ : แม้ฉันจะมีรุ่นน้องแล้ว แต่เมื่อมองมองขึ้นไปก็ยังมีรุ่นพี่อีกมากมายที่คอยสนับสนุนฉันอยู่ ฉันเลยตั้งใจว่าจะไม่หยุดเติบโตและเดินหน้าต่อไปในแบบของตัวเองค่ะ

มาคิโนะ : ยังคงรักษาธรรมเนียมไว้... เพื่อให้มอร์นิ่งยังคงอยู่ต่อไปได้หลังจากนี้อีกหลายสิบปี... ถ้าฉันจะได้อุทิศตัวในด้านที่ฉันถนัดอย่างเบสบอลได้จะดีใจมากค่ะ

ฮากะ : ของฉันตอนนี้อยู่ในตำแหน่งตรงกลางระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง เลยอยากจะดึงเอาเสน่ห์ของสมาชิกที่ค้นพบออกมาผ่านทาง MC และอยากจะส่งมอบความรักที่มีต่อมอร์นิ่ง มุสุเมะต่อไปอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ

โอดะ : ฉันว่ามอร์นิ่ง มุสุเมะคือวงที่ไม่มีแนวคิดว่ามีคนที่ร้องเพลงหรือเต้นดีหรือแย่ค่ะ ฉันอยากทำกิจกรรมต่อไปโดยให้คนดูรู้สึกว่า ถึงจะเอาดนตรีหรือจังหวะออกไป ก็ยังแสดงออกถึงความเป็นตัวเองด้วยพลังเท่าที่มีได้! เป็นเสน่ห์ที่มีเฉพาะในตัวคนคนนี้เท่านั้น ให้คนดูรู้สึกว่า "สดชื่นขึ้นมากเลย!" "พรุ่งนี้ก็จะพยายาม" ค่ะ

อิชิดะ : ฉันอยากสร้างรูปแบบของวงใหม่เพื่อให้มอร์นิ่ง มุสุเมะเหมาะสมที่จะแสดงในสถานที่ใหญ่ๆ เช่นนั้น โดยไม่ถูกคิดว่า "จะไหวหรือ?!" เมื่อจะได้แสดงที่อารีน่าค่ะ ตัวฉันเองชอบการแสดงในมอร์นิ่ง มุสุเมะมากก็จริง แต่การได้เห็นทุกคนบนเวทีมันเท่มากเลยล่ะค่ะ!



  เอกลักษณ์ที่ส่องประกายด้วยเสน่ห์จากภายใน  

(จากซ้ายไปขวา โยโกยามะ เรนะ อิคุตะ เอรินะ คากะ คาเอเดะ ยามาซากิ เม)

――เหตุผลที่เลือกทุกคนที่อยู่ตรงนี้... คือเป็นกลุ่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวน่ะ

โยโกยามะ : เอ๊ะ เรา 4 คนนี่เป็น "พวกมีเอกลักษณ์" เหรอคะ!?

อิคุตะ : โยโกะกับฉันเป็นสองตัวแม่ไอดอลตามขนบเลยเนอะ~?

คากะ : เพราะคนที่คิดแบบนั้นก็มีแค่สองคนนี้แหละค่ะ (หัวเราะ) คนที่มีเอกลักษณ์จ๋าๆ เนี่ยจะไม่รู้ตัวหรอกว่าเป็นพวกมีเอกลักษณ์เนอะคะ รวมถึงฉันกับเมจังด้วย

อิคุตะ : ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของวงไอดอล การมีคาแรคเตอร์ถือเป็นเรื่องดีเนอะ ในกรณีของเอริ แทนที่จะใช้คำพูดแบบเจตนา สู้ใช้คำคำเดียวแบบไม่ตั้งใจอย่าง "แม่มดเอริป้ง" จะอิมแพคกว่า และรู้สึกว่านั่นคือเอกลักษณ์ด้วย ดังนั้นเลยไม่ฝืนสร้างคาแรคเตอร์ขึ้นมา 

โยโกยามะ : ของฉันตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเป็นไอดอลตามขนบผมดำนะคะ แต่การจะรักษาตัวเองที่ไม่ได้เป็นตัวเองเอาไว้เรื่อยๆ เนี่ยมันยากเนอะคะ... เลยปลดปล่อยตัวเองในแบบที่เป็น แล้วผลที่ออกมาก็คือตอนนี้!

อิคุตะ : โยโกะน่ะ "ดั้งเดิม" เลยนี่นะ ในห้องแต่งตัวก็หนวกหูสุดๆ (หัวเราะ)

คากะ : ฮ่าๆๆ! ถ้าจะพูดถึงเอกลักษณ์แรกสุดที่ทราบก่อนใครเพื่อน ก็ต้องเป็นรูปลักษณ์ที่มองเห็นเนอะคะ ตัวฉันเองมีคนจำได้จากผมสั้นเยอะ ก็เลยรักษาไว้เป็นเครื่องหมายการค้าค่ะ

โยโกยามะ : แก็ปอย่างผมสั้นและดูเข้มงวดก็จริงแต่ที่จริงแล้วบ้าของหวาน! ก็เป็นเสน่ห์ของคากะเหมือนกันนี่นะ

อิคุตะ : "ผมทรงแพนด้า" ของเมจังเองก็เหมือนกันใช่ไหม?

ยามาซากิ : ค่ะ! ฉันชอบแพนด้า เลยทำผมทรงแพนด้วยด้วยการมัดจุกสองข้างให้คนจำได้ด้วย ดีใจเลยอะค่ะ

อิคุตะ : ใช่แล้ว เมจังเนี่ยกับรุ่นพี่ก็ชอบลงท้ายประโยคว่า "◯◯อะค่ะ" และนั่นก็มีความ "เหมาะสม" ที่ไม่คลอนแคลนด้วยเลย ไม่ได้ถือว่าเสียมารยาทอะไรนะ

โยโกยามะ : พอพูดถึงทรงผม ผมสีชมพูของอิคุตะซัง! สวยมากเลย

อิคุตะ : ทรงนั้นน่ะ ทำเพราะสตาฟฟ์บอกว่า "ทำผมสีเขียวเหลืองไหม?" ฉันเลยบอกไปว่า "สีเขียวน่ะไม่เอา... (หัวเราะ) แต่ถ้าชมพูน่ะได้" 

โยโกยามะ : แล้วตอนนี้ฉันก็รับหน้าที่เป็นคนทำผมสีสว่าง แม้จะคำนึงถึงความรู้สึกของแฟนๆ ที่ชอบผมสีดำด้วยก็จริงแต่ฉันอยากแสดงเอกลักษณ์ด้วย... ดังนั้นเลยใช้ 2 สีให้ด้านบนดำๆ แล้วด้านล่างเป็นโทนสว่าง (หัวเราะ)

ทั้งสามคน : ฮ่าๆๆ! นับถือเลย!

โยโกยามะ : แถมยังเป็นแบบ 8:2 แบบให้ความสำคัญกับความรู้สึกแฟนๆ ด้วย (หัวเราะ) แต่หลังจากโฟกัสกับรูปลักษณ์ภายนอกแล้วจะดึงเอาความสามารถที่แท้จริงออกมาได้อย่างไร สุดท้ายแล้วการเติบโตในด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ก็เป็นกุญแจสำคัญแหละนะ ฉันเองอยากเก่งด้านการพูดให้มากขึ้น พอดูโทรทัศน์หรือฟังวิทยุก็จะเรียนรู้ไปโดยไม่รู้ตัว เช่น "วิธีพูดแบบนี้วิเศษไปเลยนะเนี่ย"

คากะ : ฉันเองก็พยายามจะไม่ขี้เกียจศึกษาด้านเทคนิคค่ะ ทั้งสมาชิกของมอร์นิ่ง มุสุเมะ ทั้งแฟนๆ ต่างก็คิดเหมือนกันว่า "ชอบเพลงของซึงคุ♂ซัง!" ดังนั้นฉันเลยอยากแสดงโลกที่ทุกคนชอบออกมาให้ได้ดี... นี่ฉันจริงจังอยู่คนเดียวหรือไง (หัวเราะ)

ทั้งสามคน : หุๆๆ... (มองด้วยสายตาอบอุ่น)

คากะ : แต่ฉันพูดไม่เก่ง... จะสื่อความรู้สึกนี้ได้ไหมเนี่ย

ยามาซากิ : อ๊า เมก็เหมือนกันค่ะ...

อิคุตะ : เอริเองถ้าไม่พูดก็จะโดนคิดว่า "น่ากลัว" เอาเหมือนกันแหละนะ

ยามาซากิ : ก็จริงอยู่ที่ตอนนี้คิดว่าเป็นพี่สาวแหละค่ะ แต่ตอนสมัยเป็นเด็กฝึกนี่เข้าหายากมากเลยค่ะ... (หัวเราะ)

อิคุตะ : ฮ่าๆ เพราะงั้นฉันก็เลยคิดหาวิธีพูดที่จะสื่อสิ่งที่คิดออกไปได้แทน อย่างการเขียนเป็นตัวอักษรในพวกบล็อกเนี่ยมันสื่ออารมณ์ได้ยาก เลยพยายามที่จะพูดคำขอบคุณออกไปด้วยเสียงตัวเองในที่ที่สามารถพูดได้อย่างสุดความสามารถ

โยโกยามะ : อิคุตะซังตั้งใจพูดขอบคุณหลังจบไลฟ์อย่างจริงจังจริงๆ เลยละค่ะ

ยามาซากิ : ในกรณีของฉัน ฉันพูดไม่เก่งก็จริง แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพไอดอลที่ตัวเองคิดในบล็อก เลยตั้งใจอัพทุกวันค่ะ…!!

ทั้งสามคน : เก่งมาก! (ปรบมือ)

อิคุตะ : ช่วงนี้ฉันชอบการแกล้งแหย่คิตากาวะ (ริโอะ) ที่รักของเมจัง (หัวเราะ) เมจังทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มตอนคิตากาวะเต้นช้ากว่าในไลฟ์ (หัวเราะ) ตอนนั้นจะมองมาที่เอริสินะ?

ยามาซากิ : ...เหมือนจะมองนะ!

อิคุตะ : ท่าทางแบบเด็กขี้แกล้งอย่างนั้นก็น่ารัก! ดังนั้นถ้าเอริดึง "แบล็กเมจัง" ออกมาได้แล้วต้องจบการศึกษาเสียที เพราะมันจะเป็นเอกลักษณ์อันใหม่ของเมจังด้วย

ยามาซากิ : ขอบคุณค่ะ! แต่สมาชิกคนอื่นก็มีเอกลักษณ์เพียงพอแล้วเนอะคะ ฉันชอบมาคิโนะ (มาเรีย) ซังมากเลยค่ะ ที่จู่ๆ จะพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับที่คุยกันอยู่เลยออกมา

คากะ : เข้าใจเลย~ ฉันเองช่วงนี้ก็ JK เกิน (โอคามุระ) โฮมาเระตลกเกินไป…!

อิคุตะ : น่ารักสุดๆ เลยเนอะตอนที่ไม่ว่าจะถามอะไรก็จะตอบประมาณว่า "เอ๋ แจ๋วไปเลยเนอะ?" ในระหว่างที่ทาลิปแบบไม่หันมามองทางนี้ (หัวเราะ)

โยโกยามะ : ของฉันคือฟุคุมุระ (มิสึกิ) ซังค่ะ เป็นคนที่มีภาพจำที่สง่างามมากในฐานะลีดเดอร์... แต่ที่จริงแล้วเป็นคนชอบแกล้งมากที่สุดเลยเนอะคะ!?

ทั้งสามคน : ฮ่าๆๆๆ!!!

คากะ : ทั้งที่ใส่ชุดวันพีซเหมือนคุณหนู แต่กลับเล่นเกมยิงสู้กันในมือถือร้อง "ว๊ากๆๆๆๆ!" งี้

โยโกยามะ : แก็ประหว่างภาพที่เห็นกับเสียง (หัวเราะ)


―― จะเรียกมอร์นิ่ง มุสุเมะที่รวมคนมีเอกลักษณ์เข้าด้วยกันแบบนั้นออกมาในลักษณะไหน?

อิคุตะ : อืม การเลือกเวทีแสดงที่เข้ากับสมาชิกแต่ละคนให้สอดคล้องกับลักษณะพิเศษของ SNS หลายๆ แบบก็น่าจะสำคัญนะ

ทั้งสามคน : (จ๊อกแจ๊ก) ตั้งใจใส่ใจมาก!

คากะ : ก็จริงนะ... ฉันถ่ายรูปลงอินสตาแกรมมุมเดิมๆ ตลอดเลย...

โยโกยามะ : ของกินก็อัพแต่พวกพุดดิ้งงี้ (หัวเราะ)

คากะ : ...ตัวฉันเองพยายามเต้นใน TikTok ค่ะ!

ยามาซากิ : หุๆๆ...

โยโกยามะ : อ๊ะ เมจังโดนจี้ต่อมฮาเข้าซะแล้ว (หัวเราะ)

อิคุตะ : คากะพยายามใน TikTok อยู่ โยโกะก็มีสกิลการพูดในโทรทัศน์ ส่วนฉันเองชอบยูทูปเบอร์จนแทบอยากตัดต่อวีดีโอเลย! เพราะยูทูปสามารถกำหนดความยาวได้อย่างอิสระ น่าจะช่วยให้เห็นความตลกของเมจังได้มากขึ้นนะ! มีที่แสดงออกที่เหมาะกับแต่ละคน ส่วนในไลฟ์ก็อยากให้การแสดงในแบบของพวกเราประสบความสำเร็จในแบบที่เคยเป็นมาเนอะ

ยามาซากิ : พูดถึงไลฟ์แล้วฉันยังไม่ได้ไปเข้าร่วมไลฟ์ในต่างประเทศเลย... ดังนั้นตอนไปต่างประเทศครั้งแรก ฉันอยากไปทำกิจกรรมในฐานะมอร์นิ่ง มุสุเมะค่ะ!

อิคุตะ : งั้นก่อนอื่น ถ้ามีที่ที่ให้แสดงความขอบคุณแก่แฟนๆ ทุกคนที่ละคนทั่วโลกทางออนไลน์ก็น่าจะเข้าใกล้ความฝันไปได้ก้าวนึงนะ!

โยโกยามะ : อืม เพราะมีเอกลักษณ์สำหรับโบยบินไปทั่วโลกรวมกันอยู่ที่นี่แล้ว อยากให้คาดหวังกับการทำกิจกรรม(ของพวกเราหลังจากนี้ไป)ค่ะ!



  ♬♬♬♬♬♬♬♬♬♬ ♬♬♬♬♬♬♬♬♬♬ ♬♬♬♬♬♬♬♬♬♬  


  ข้อความพิเศษจากซึงคุ♂  

  ย่างก้าวของมอร์นิ่ง มุสุเมะกับตำแหน่งในปัจจุบันของพวกเธอ  


     เมื่อ 25 ปีก่อน ผมไม่คิดเลยครับว่าจะเป็นวงที่อยู่มาได้นานถึงขนาดนี้ โดยปกติแล้วทั้งฝ่ายโปรดิวซ์และถูกโปรดิวซ์คงเบื่อหน่ายและถึงขีดจำกัดไปแล้ว มอร์นิ่ง มุสุเมะนั้นให้การที่สมาชิกเข้าออกหมุนเวียนกันไปเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างหนึ่ง รวมถึงทำนองเพลงและเพอร์ฟอร์แมนซ์ต่างๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงสไตล์ไปทีละน้อยด้วยเช่นกัน จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับสำคัญที่สุดที่ทำให้วงอยู่ต่อเนื่องมาได้ 25 ปี โดย "ไม่น่าเบื่อ" ครับ ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่ยอมรับด้วย เพราะถ้าขาดสมาชิกคนไหนไปคงไม่มีมอร์นิ่ง มุสุเมะในปัจจุบันนี้ เมื่อลองมองย้อนกลับไปในอดีต ก็ไม่มีสมาชิกคนไหนเลยที่ทำลายความสมดุลลงไปด้วย ถึงจะมีประเด็นว่ามีคนเป็น "ซูเปอร์เอซ" อยู่ แต่ถ้าให้ความสนใจกับคนคนนั้นมากเกินไป ผมก็กังวลว่าเป็นไปได้ที่จะเกิดเดดแอร์หลัง(คนคนนั้น)จบการศึกษาครับ ผมว่าบาลานซ์ก็สำคัญสำหรับความต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งในความหมายนั้น มอร์นิ่ง มุสุเมะได้แสดงออกมาอย่างเป็นรูปธรรมถึงความน่าสนใจว่าวงซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีศักยภาพในระดับหนึ่งได้แสดงเอกลักษณ์ของแต่ละคนออกมา พร้อมกับสร้างวงที่เป็นหนึ่งเดียวกันขึ้นมาได้ครับ

     ในด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ บาลานซ์เองก็สำคัญเช่นกัน ในฐานะครีเอเตอร์แล้ว ผมเข้าใจทั้งเสน่ห์ในด้านความสมบูรณ์แบบเหมือน K-POP และตั้งหน้าตั้งตารอที่จะให้(แต่งเพลง)ให้ได้ร้องด้วยครับ แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของมอร์นิ่ง มุสุเมะ ถ้าเพอร์ฟอร์แมนซ์สมบูรณ์แบบมากไปกว่านี้ก็เท่ากับบรรลุเป้าหมายโดยสมบูรณ์แล้ว และคงจะมอดไหม้หมดไปในเวลา 3-4 ปีเป็นแน่ ซึ่งผมคิดว่านั่นไม่ถูกต้องในเวลาที่คิดจะต่อสู้ในระยะยาวครับ การที่ทั้ง "LOVE Machine" ทั้งมินิโมนิมีเสน่ห์กับคนมากมายตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่นั้นเป็นเพราะพลังของ "เอนเตอร์เทนเมนต์" ครับ อิมเมจในปัจจุบันอาจจะต่างออกไป แต่รากฐานของมอร์นิ่ง มุสุเมะนั้นมีความเอนเตอร์เทนเมนต์อยู่ จะแสดงออกไปได้อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับไอเดียที่หลากหลาย ซึ่งตรงนั้นเป็นการโชว์ฝีมือของพวกผมและสตาฟฟ์ครับ

     ในโลกนี้มีวงเกิร์ลกรุ๊ปอยู่มากมาย แต่ผมว่ามอร์นิ่ง มุสุเมะ เป็นวงที่สู้(กับวงอื่นๆ)ได้อย่างเต็มที่ด้วยเสน่ห์ของดนตรีครับ เพราะมีทั้งประวัติและเพลงหลากหลายรูปแบบ ทำให้ท้าทายกับอะไรใหม่ๆ ได้ง่าย ซึ่งนั่นเกี่ยวข้องอย่างมากกับความตระหนักรู้ในด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ของสมาชิกที่มีสูงครับ เพราะในวงมีสมาชิกที่มีความรู้สึกแรงกล้าว่า "อยากร้องและเต้นให้เต็มที่" แทนที่จะไปแตะด้านวาไรตี้ ละคร ถ่ายแบบทีละเล็กละน้อยอยู่มาก ซึ่งทำให้เกิดคนที่กระตือรือร้นจะออกไปด้านหน้าเวทีอย่างมาคิโนะขึ้นมาโดยธรรมชาติครับ แม้ในวงจะไม่มีเอซถาวร แต่(สมาชิก)แต่ละคนก็คิดและช่วยเหลือกัน(ในสิ่งที่)แต่ละคนทำได้ อย่างการเต้นของอิชิดะและพลังเสียงของโอดะเป็นตัวนำ อิคุตะก็เป็นคนปล่อยตัวตนพิลึกๆ ออกมา (หัวเราะ) คงเพราะอย่างนั้นจึงมีความรู้สึกอยากปกป้องเอาไว้น่ะครับ พื้นฐานของเพลงโดยส่วนใหญ่แล้วมักแสดงออกในด้านความสนุกสนานและความสดใหม่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่วงที่เหมาะกับเพลงเศร้านิดๆ มากกว่าเพลงสดใสรื่นเริงแบบงานเทศกาล บรรยากาศในลักษณะนั้นมีผลมากครับ


เพราะอ่านระหว่างบรรทัดกันได้ จึงอยากเขียนเพลงดีๆ


     ตอนเขียนเพลง ในหัวใจส่วนหนึ่งจะคิดว่า "สมาชิกที่ได้ฟังเพลงนี้จะทำหน้าแบบไหนกันนะ" แน่นอนว่ารวมถึงแฟนๆ ด้วย ไม่ใช่ว่า "แบบนี้ล่ะมั้ง" หรือ "เพลงของคนอื่นดีกว่า" นะครับ ผมอยากให้เพลงของผมเป็นที่หนึ่งของแฟนๆ แต่ผมจะไม่ให้พวกเธอต้องอ่อยเพื่อขายเพลงครับ ผมว่าเพลงที่ถูกถามว่า "ทำไมถึงเป็นเพลงนี้? ความหมายของเนื้อเพลงคืออะไร?" ให้อธิบาย แล้วเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจโดยไม่รู้ตัวนี่แหละที่จะไม่เสื่อมสลายไปแม้ผ่านไปอีก 5 ปี 10 ปีครับ เพราะผมมักคิดว่าสมาชิกแบบไหนจะร้องแล้วเขียนเพลงขึ้นมา ผมเลยยังติดต่อกับสมาชิกและสตาฟฟ์ในตอนนี้อยู่เรื่อยๆ และขอดูวีดีโอออดิชั่นทั้งหมดหลัง(ออดิชั่น)จบครับ เพราะถ้ามี(สมาชิก)สักคนออกหรือเข้ามาใหม่ บรรยากาศ(ของวง)จะเปลี่ยนไปน่ะครับ อย่างเช่นซากุระอิเข้ามา ก็รู้สึกเผ็ดร้อนขึ้นมาเล็กน้อย คนที่เข้ามอร์นิ่ง มุสุเมะมาคนเดียวนั้น ยิ่งถูกคาดหวังสูงมากเท่าไหร่ก็น่าจะยิ่งประหม่า แต่จากพลังสมาธิและความเข้มแข็งในการจำเพลงจำนวนมากให้แม่นจนกว่าจะถึงวันซ้อมใหญ่นั้นน่าจะเป็นคนที่สร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับวงได้ครับ ช่วงหลังๆ มานี้สมาชิกเองก็ถึงวัยเริ่มไตร่ตรองถึงความหมายในเนื้อเพลงกันแล้ว ดังนั้นผมจึงเขียน(เนื้อเพลงที่พูดถึง)ส่วนสำคัญในชีวิตมนุษย์ครับ โดนเฉพาะเมื่อผมได้มองญี่ปุ่นในมุมกว้างจากฮาวาย เลยรู้สึกถึงกระแสที่ถูกมู้ดของสังคมพัดมาได้ครับ ดังนั้นจึงอยากให้ยอมรับค่านิยมและวิธีการใช้ชีวิตที่หลากหลายในมอร์นิ่ง มุสุเมะ เพราะสมาชิกต่างอ่านเนื้อเพลงเหล่านั้นในระหว่างบรรทัดกันอย่างตั้งใจ บางครั้งก็ส่งการคิดแบบเจาะลึกมาให้ผม ผมจึงตั้งใจไว้ว่าจะต้องเขียนเพลงดีๆ ขึ้นมาอีกครับ เรื่องที่น่าสนใจคือ ถ้าผมเขียนบรรทัดแรกของเนื้อเพลงที่ให้ไปตอนอัดเสียงเพลงใหม่ว่า "โฮชิคุง (星くん)" และบรรทัดที่สองเขียน "โฮชิคุง (星君)" โนะนากะจะถามผมว่า "ความต่างตรงนี้มีความหมายแน่ๆ เลยสินะคะ" ครับ ผมดีใจมากที่ตั้งใจอ่านเจาะลึกขนาดนั้น ถึงผมจะแค่พิมพ์ผิดเฉยๆ เองก็เถอะ (หัวเราะ)


จะแต่งงาน ลาคลอด หยุดเลี้ยงลูก แล้วกลับมาอีกก็ได้


     พอนึกย้อนกลับไป สมัยพวกผมยังเป็นเด็ก ช่วงเวลาในการเป็น "ไอดอล" จะต้องเด็กและมีระยะเวลาในการทำงานสั้นกว่า(ปัจจุบัน)และการกำหนดเช่นต้องตอบว่า "ของกินที่ชอบคือสตรอเบอรี่ค่ะ" "ไม่เข้าห้องน้ำค่ะ" อะไรแบบนี้ แต่ปัจจุบันถึงอายุ 30 ปีก็ยังเป็นไอดอลได้ ช่วงเวลาที่ต้องการไอดอลเหมือนรูปบูชา ต้องสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างเดียวได้หายไป ก่อนหน้านี้ ผมเคยคุยกับฟุคุมุระว่า "จะแต่งงาน ลาคลอด หยุดเลี้ยงลูก แล้วกลับมาก็ได้" ด้วยครับ  เพราะผมอยากให้ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดและอยากทำอย่างอิสระโดยไม่เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมของสังคม ก็นะ ผมไม่อยากให้ฟุคุมุระถูกเรื่องพวกนั้นผูกมัดไว้เลยยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างหนึ่งน่ะครับ จะมีวงแบบนั้นอยู่ในญี่ปุ่นบ้างก็ได้ และการเปิดเผยเรื่องความรักหรือเรื่องส่วนตัวพวกนี้ก็ถือเป็นวิธีการหนึ่งเหมือนกัน เพราะสมาชิกมีเอกลักษณ์กันอย่างเหลือเฟือ จึงไม่จำเป็นต้องเล่นละครสร้างคาแรคเตอร์ขึ้นมาใหม่ และผมเชื่อว่านั่นคือเสน่ห์ในฐานะศิลปินด้วย จึงอยากให้สนุกกันครับ สมาชิกแต่ละคนสื่อความรู้สึกของผมออกไปได้ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ ฟุคุมุระมีเสน่ห์ในด้านความสบายใจอย่างเต็มที่ก็จริง แต่ไม่ต้องทำตัวให้สมเป็นลีดเดอร์ไปมากกว่านี้ก็ได้ ปลดปล่อยออกมาได้เท่าที่ใจอยากโดยไม่ต้องคอยปลุกเร้าครับ อิคุตะมีช่วงเวลาที่โดนบอกว่า KY อยู่ก็จริง แต่ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นผมก็รู้สึกว่านั่นคือเสน่ห์ครับ อิชิดะเป็นคนกระฉับกระเฉงและผมไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนที่มีไฟขนาดนี้ เลยดีใจกับการเติบโต แต่ในอีกทางก็อยากให้ระวังสายตารอบข้างและซื่อตรงโดยไม่สร้างเปลือกขึ้นมาหุ้มไว้ครับ โอดะเองก็มีช่วงเวลาที่จับจังหวะไม่ได้ แต่เพราะเก่งอย่างนั้นนี่แหละเลยอยากให้ข้ามกำแพงสูงที่ตัวเองสร้างขึ้นไปให้ได้ โนะนากะรับหน้าที่สอนซากุระอิ เวลานี้จึงเป็นเวลาที่จะได้เติบโตมากที่สุดเพราะได้เรียนรู้จากการสอนครับ มาคิโนะก็เปิดเผยตัวตนออกมาให้มากกว่านี้ได้เลยไม่ต้องเกรงใจ รู้ว่ากลัวที่จะเปิดเผยออกมาคนเดียว แต่ถ้าจับได้สักก้าวแล้วจะเติบโตได้อย่างเต็มที่แน่นอนครับ ฮากะมีคาแรคเตอร์แบบพึ่งพาตัวเองอยู่ก็ดีหรอก แต่พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดออกมาให้มากกว่านี้ดีกว่าครับ  ส่วนคากะก็อยากให้ทำอะไรที่อยากทำให้หมดโดยไม่ต้องกดดันว่าจะออก โยโกยามะ เพราะตอนนี้เธอเป็นสมาชิกที่มีความเป็นมอร์นิ่ง มุสุเมะอยู่มากที่สุด ก็อยากให้หาคนที่จะมาช่วยแหย่ให้เจอนะครับ คิตากาวะเก่งขึ้นแบบปุบปับทั้งในด้านการร้องและแสดงเอกลักษณ์ โอคามุระเป็นคนที่ให้ความรู้สึกว่ามีอยู่เพื่อสร้างความกดดันให้รุ่นพี่เมื่อได้ร้องเพลง ยามาซากิคาแรคเตอร์เด่นมาก ในทางกลับกันเลยอยากให้พัฒนาเอกลักษณ์โดยไม่พึ่งพาคาแรคเตอร์ด้วยครับ ซากุระอิทิ้งอุปสรรคที่ตัวเองสร้างขึ้นมาไปสักครั้ง แล้วพักผ่อนให้เหมาะสมด้วย

     ผมรู้สึกได้ว่าพวกเธอให้ความสำคัญกับเพลง รวมถึงเคารพในประวัติและรุ่นพี่ และมีความภาคภูมิใจในฐานะมอร์นิ่ง มุสุเมะครับ พวกเธอยังคงดีใจและรักยอดขายทะลุล้านที่คอยสนับสนุนตัวเองมาตลอด แต่ก็ยังรอคอยจังหวะที่จะได้ต่อสู้ในสถานการณ์ใหม่ๆ อย่างกระตือรือร้นด้วย ผมอยากให้รักษาความภูมิใจเหล่านั้นไว้ และผมเองก็อยากเขียนเพลงที่เหมาะสมกับพวกเธอต่อไปครับ



ขอบคุณแหล่งที่มาจาก ananweb : - LINK1 - ⁑ - LINK2 - ⁑ - LINK3 -



Post a Comment

0 Comments