[Review] 私が大好きな小説家を殺すまで

 

     สวัสดีค่า กลับมาพบกันอีกครั้งกับการรีวิวนิยายภาษาญี่ปุ่นเล่มแรกของเดือนนี้นะคะ คราวนี้เป็นนวนิยายเรื่องยาวแนวดราม่า หนึ่งในกองดองสุดสูงของเราที่สั่งเล่มมานานแล้วแต่ไม่ได้อ่านสักทีค่ะ แต่ในเมื่อตั้งใจจะทลายกองดอง (เพื่อจะได้ซื้อเล่มใหม่ได้เพิ่มขึ้นแบบไม่ต้องรู้สึกผิดมากนัก) ก็ได้ฤกษ์หยิบลงมาอ่านกันสักที


(ภาพจาก Amazon)

ชื่อเรื่อง : 私が大好きな小説家を殺すまで (Watashi ga Daisukina Shousetsuka wo Korosu made)
ผู้เขียน : 斜線堂 有紀 (Shasendou Yuuki)
สำนักพิมพ์ : メディアワークス文庫 (Mediaworks Bunko)
จำนวนหน้า :  272 หน้า
ราคา :  610 เยน + ภาษี


     เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากการหายตัวไปอย่างกระทันหันของฮารุคาวะ ยูมะ (遥川悠真) นักเขียนนวนิยายรักชื่อดังผู้ถูกขนานนามว่าเป็นนักเขียนอัจฉริยะ ตำรวจจึงได้เข้าตรวจค้นห้องของฮารุคาวะและพบกับกระเป๋านักเรียนรันโดเซรุ ชุดวันพีซสีแดงของเด็ก รวมถึงชุดนักเรียนหญิงมัธยมในห้อง ทั้งที่ผ่านมาฮารุคาวะควรจะอยู่คนเดียวมาตลอด แล้วชุดเหล่านี้เป็นของใคร มาจากไหน นอกจากชุดนักเรียนแล้ว ตำรวจยังเจอคราบสีดำแปลกๆ ภายในตู้เสื้อผ้าแบบ walking Closet ในห้องด้วย จากการสันนิษฐานของตำรวจ รอยนี้น่าจะเป็นรอยที่เกิดจากการที่มีใครคนหนึ่งเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ในตู้จนบริเวณศีรษะเสียดสีเข้ากับเพดานตู้เป็นเวลานานจนหลงเหลือร่องรอยไว้

     ในอีกด้านหนึ่ง มาคุอิ อาซุสะ (幕居梓) เด็กสาวผู้หลงรักผลงานนวนิยายของฮารุคาวะ ยูมะ ได้บอกเล่าถึงชีวิตและความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างเธอและนักเขียนดังผู้นี้ผ่านตัวอักษร รวมถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงคิดจะฆ่าเขา เรื่องราวเริ่มจากการที่แม่ผู้เย็นชาและมักขังเธอเอาไว้ในตู้อยู่เสมอได้หายตัวออกไปจากบ้านพร้อมกับทิ้งเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้ให้ มาคุอิซึ่งยังอยู่ในวัยประถมจึงคิดที่จะตายโดยกอดนวนิยายของฮารุคาวะที่เธอรักกระโดดลงไปให้รถไฟทับ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่กล้าทำ แต่แล้ว ฮารุคาวะซึ่งในตอนนั้นอายุ 28 ปีก็ได้เดินเข้าไปหามาคุอิและบอกเธอว่า ถ้ามาคุอิจะตายก็อย่าเอานวนิยายของเขาไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันสร้างความเดือดร้อน แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ฮารุคาวะตัดสินใจทำในวันนั้นคือการชวนมาคุอิไปที่ห้องของเขา

     หลังจากนั้น ชีวิตของมาคุอิกับนักเขียนในดวงใจก็เริ่มต้นขึ้น เธอแวะไปที่ห้องของฮารุคาวะบ่อยๆ ตามที่เขาขอร้อง ได้นั่งเฝ้าดูเขานั่งเขียนนิยายที่เธอรัก ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่ค่อนข้างแปลกประหลาดก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผันผ่าน ฮารุคาวะกลายเป็นโลกทั้งใบของมาคุอิ จนเมื่อมาคุอิอยู่ม.ต้น ผลงานชิ้นที่สามของฮารุคาวะที่เขาพยายามเค้นเขียนออกมาจนสำเร็จได้รับคำวิจารณ์ด้านลบจนไม่มีชิ้นดีจนเจ้าตัวไม่คิดที่จะเขียนนวนิยายอีกต่อไป สถานการณ์อิหลักอิเหลื่อดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง มาคุอิตัดสินใจว่าเธอจะเขียนนวนิยายเพื่อเขา เธอจึงเขียนนวนิยายเรื่องหนึ่งและนำไปให้ฮารุคาวะ ฮารุคาวะได้อ่านนวนิยายเรื่องนั้นและนำไปตีพิมพ์ในชื่อของเขา จากนวนิยายเรื่องนี้ ทำให้ชื่อเสียงของฮารุคาวะ ยูมะกลับมาโด่งดังอีกครั้งในฐานะนักเขียนนวนิยายผู้หลุดพ้นจากการติดหล่มมาได้ และมาคุอิก็ถูกขอร้องให้เป็นโกสต์ไรเตอร์ของเขา ซึ่งมาคุอิเองก็ยอมทำ

     สุดท้ายแล้ว ทำไมมาคุอิจึงคิดที่จะฆ่าอาจารย์ที่เธอรักสุดหัวใจ มาคุอิได้อธิบายเหตุผลของการกระทำทุกอย่าง เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมถึงการตัดสินใจของเธอเอาไว้หลังจากนี้



     สำหรับเรื่องนี้ เราซื้อมาดองไว้พักใหญ่แล้วตั้งแต่สมัยที่ตีพิมพ์ออกมาใหม่ๆ แบบตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องแนวสืบสวนสอบสวนจริงจังด้วย แต่หลังจากอ่านจบ บอกได้ว่าไม่มีเรื่องทริคฆาตกรรมซับซ้อน มีแต่เรื่องดราม่า ปัญหาสังคม และความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวระหว่างตัวฮารุคาวะและมาคุอิ ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านสายตาของมาคุอิเป็นหลักว่าเธอคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร และทำไมเธอถึงคิดจะฆ่าอาจารย์ผู้ช่วยชีวิตเธอ คิดจะฆ่าคนที่เธอรักสุดหัวใจ เป็นความบิดเบี้ยวที่หนักอึ้ง อึมครึม มัวซัว ซับซ้อน อ่านแล้วชวนหงุดหงิดใจในการกระทำหลายอย่างโดยเฉพาะของฮารุคาวะ แต่ก็สนุกเข้มข้น สะท้อนความบิดเบี้ยวในหัวใจของมาคุอิออกมาได้ดีมากๆ ด้วยเหตุผลและสิ่งที่เธอเจอมา การตัดสินใจของเธออาจเป็นทางออกที่เธอคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างที่เจอมาในชีวิตได้ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า

     ตอนเขียนเรื่องย่อก็รู้สึกว่าอยากอธิบายมากกว่านี้ แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างฮารุคาวะและมาคุอิมีความซับซ้อนและอารมณ์ที่หลากหลาย การจะใส่ประเด็นทุกอย่างเข้ามานั้นยากมากเลยเลือกย่อมาแค่บางส่วน แต่ในอีกแง่นึงก็เป็นความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละครสูงมาก เลยอยากบอกว่าถ้าใครสนใจเรื่องดราม่าแนวๆ นี้เราอยากให้ลองอ่านและเก็บประเด็นเองจะสนุกกว่าค่ะ

     ในส่วนของภาษา ส่วนตัวเจอคันจิที่ไม่คุ้นเคยเยอะ เปิดดิคกันสนุกสนานมาก แต่ไม่ได้ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ แน่นอนว่าไม่ใช่หนังสือสำหรับฝึกอ่านด้วยเพราะเรื่องนามธรรมเยอะมาก มีหลายส่วนที่อ่านแล้วต้องอาศัยการตีความถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนด้วย อาจต้องใช้สมาธิกับการอ่านมากหน่อยถึงจะสนุกและอินค่ะ


     แล้วพบกันใหม่ในรีวิวเล่มหน้าค่ะ


Post a Comment

0 Comments