[TRANS] "Mayonaka ni Hello!" Interview @Modelpress #4 Fukumura Mizuki & Oda Sakura

 

     สวัสดีค่ะ เดินทางมาถึงบทสัมภาษณ์ Mayonaka ni Hello! อันสุดท้ายกันแล้วนะคะ ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นคู่ฟุคุมุระ มิซึกิ และ โอดะ ซากุระ คู่เมนของเราเองค่ะ 5555 จริงๆจะเรียกว่าคู่นี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้แปลบทสัมภาษณ์ชุดนี้ก็ไม่ผิดไปสักเท่าไหร่ นอกจากบทสัมภาษณ์อันนี้แล้วยังมีบทสัมภาษณ์ก่อนหน้าอีก 3 อัน รวมถึงบทสัมภาษณ์ซึงคุซังและคิตาโนะซัง ผู้กำกับให้อ่านสำหรับคนที่สนใจด้วยนะคะ สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่บล็อกนี้หรือที่เพจ Hello Pro Moments เช่นเคยค่ะ


     ขอขอบคุณต้นฉบับบทสัมภาษณ์จาก Modelpress อีกเช่นเคย ส่วนของบทแปลนี้ขออนุญาต disclaimer ไว้ล่วงหน้าว่าเราแปลแบบไม่ได้เป๊ะมาก แปลเพื่อฝึกด้วยแพชชั่นส่วนตัว เอาตามความเข้าใจและพยายามเรียบเรียงให้อ่านง่ายเท่าที่จะทำได้ ถ้ามีความผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ


*ห้ามนำบทแปลทั้งจากในนี้และ Hello Pro Moments ไปโพสต์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต*



ฟุคุมุระ มิซึกิ & โอดะ ซากุระ วง Morning Musume ความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้หลังจากการจบการศึกษาของซาโต้ มาซากิ และข้อความที่ซ่อนอยู่ใน " I WISH" คืออะไร


"Mayonaka ni Hello!" คือละครที่ฉายทางช่อง Drama 24 วันพฤหัสบดี (ทาง TV Tokyo ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 00:30 / ทาง dTV ฉายหลังแต่ละตอนจบ สามารถรับชมย้อนหลังได้ทุกตอน) ซึ่งมีสมาชิกของ Hello! Project ร่วมแสดง โดยทาง Modelpress ได้สัมภาษณ์สมาชิกที่ร่วมแสดง สำหรับในครั้งนี้จะเป็นการสัมภาษณ์ ฟุคุมุระ มิซึกิ (25) และโอดะ ซากุระ (22) จากวง Morning Musume'22 หลังจากฉายตอนที่ 10 จบไปแล้ว ซึ่งจะมาเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในระหว่างการถ่ายทำ วงในปัจจุบัน และเป้าหมายต่อจากนี้ไปด้วย



"Mayonaka ni Hello!" ซึ่งมีสมาชิกฮาโหลโปรแสดง

ฮาโหลโปรนั้นเมื่อเทียบสัดส่วนแฟนคลับชายหญิงแล้วมีจำนวนผู้หญิงมากกว่า แฟนที่เป็นดาราหญิงก็มีมาก และยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายในกลุ่มผู้หญิงอย่างคอลัมน์พิเศษต่างๆในนิตยสาร โดยในผลงานชิ้นนี้จะมีสมาชิกที่แตกต่างกันออกมาแสดงเพลงที่เป็นต้นฉบับของเรื่องราวในแต่ละตอน ส่งเสียงเชียร์ไปถึงผู้ชมในทุกสัปดาห์

มาริโกะ (คิคุจิ โมโมโกะ) แฟนผู้คลั่งไคล้ในฮาโหลโปรและมิซากิ (โอฮาระ ยูโนะ) ผู้เป็นลูกสาวดำเนินกิจการเกสต์เฮ้าส์ "ซันพลาซ่าอาซานุมะ" ซึ่งได้รับรีวิวในเว็บไซต์รีวิวไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ในบรรดาคอมเม้นต์เหล่านั้นมีถ้อยคำปริศนาเขียนไว้ว่า "ประตูจะเปิดออก" ซึ่งประตูบานนั้นจะปรากฏขึ้นทันควันเบื้องหน้าผู้เข้าพักที่มีความทุกข์และเชื่อมต่อไปยังจุดหมายคือห้องแต่งตัวของฮาโหลโปร

ในตอนที่ 10 นี้ Morning Musume'22 จะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ามาริโกะที่ยังจัดการกับความรู้สึกที่มีต่อการแยกกันใช้ชีวิตกับมิซากิ ลูกสาวที่ตัดสินใจออกไปอาศัยอยู่คนเดียวไม่ได้ โดยร้องเพลง "I WISH" เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่เธอ





โอดะ ซากุระ บอกเล่าถึงสเน่ห์ในเนี้อเพลงที่ซึงคุ♂ เขียน


―  ผลงานในครั้งนี้มีเซ็ตติ้งว่า "อีกด้านของประตูเชื่อมต่ออยู่กับห้องแต่งตัวฮาโหลโปร" ความรู้สึกตอนแรกที่ได้ยินเป็นอย่างไรบ้าง

ฟุคุมุระ : เป็นแผนงานที่ดูเหมือนความฝันมากๆเลยค่ะ พอเปิดประตูออกแล้วเจอกับโลกที่แตกต่างแผ่กว้างอยู่เนี่ยอย่างกับโลกของ "โดราเอมอน" เลยใช่ไหมล่ะคะ (หัวเราะ) ดีใจมากค่ะที่จุดหมายของประตูที่เหมือนความฝันนั้นมีพวกเราอยู่ พอละครจบก็มีข้อความขึ้นมาว่า "ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง" แต่ฉันอยากทำให้มันไม่ใช่เรื่องแต่งค่ะ


― คุณอิคุตะ (เอรินะ) ก็ยกตัวอย่าง "โดราเอมอน" เหมือนกัน

ฟุคุมุระ & โอดะ : โอ้~ (หัวเราะ)!

ฟุคุมุระ : เป็นการขยายความที่น่าสนใจมากอย่างกับ "ประตูไปที่ไหนก็ได้" เลยค่ะ อย่างการแสดงเพลง "Mikan" ในตอนที่ 1 นั้นก็เป็นการแสดงในแบบที่ไม่สามารถแสดงได้ในคอนเสิร์ตปกติ พวกเราเองในระหว่างที่ถ่ายทำก็สนุกและคิดนะคะว่า "อย่างกับความฝันแน่ะ!"

โอดะ : ฉันดีใจมากที่เพลงของฮาโหลโปรที่คุณซึงคุ♂ เป็นคนเขียนกลายเป็นละครขึ้นมา ในเนื้อเพลงที่คุณซึงคุ♂ เขียนเนี่ยไม่ใช่ "ผู้หญิงแบบนี้ที่อยากให้มี" หรือ "ผู้หญิงที่เป็นมิตรต่อผู้ชาย" แต่มักเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างหนักแน่น ซึ่งสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบหลักในละครได้ ดังนั้นพอกลายเป็นจริงขึ้นมาเลยประทับใจค่ะ แล้วก็ได้แสดงในฐานะ Morning Musume'22 ในละครด้วย เลยคิดว่าพวกเราคือ "มนุษย์ที่อยู่อีกฟากของประตูแห่งความฝัน" สินะ (หัวเราะ) เลยคิดว่าฉันได้ทำอะไรที่มันดูแฟนตาซีผ่านการถ่ายละครเรื่องนี้ ทั้งที่ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่มีชีวิตธรรมดาทั่วไปค่ะ



เพลงฮาโหลโปรที่อยากได้มาช่วยเสริมกำลังใจของฟุคุมุระ มิซึกิ และโอดะ ซากุระ


― สมมติว่าบังเอิญมีประตูมาปรากฏอยู่ต่อหน้าทั้งสองคน อยากได้เพลงฮาโหลโปรเพลงไหนช่วยเสริมกำลังใจ

โอดะ : ของฉันคือเพลง "Kaiketsu Positive A" ของ Morning Musume ค่ะ เพราะเนื้อเพลงมีอิทธิพลกับวิธีการใช้ชีวิตของฉัน เนื้อเพลงที่ชอบที่สุดในเพลงคือ "sugu yowane haite dareka no sei ni shichau sonna yatsu futsuu ni mo narenai ze (ยอมแพ้ในทันที แล้วโทษว่าเป็นความผิดของใครสักคน คนแบบนั้น เป็นคนธรรมดาไม่ได้หรอก)" คือไม่ใช่ "เป็นคนที่ดูดีไม่ได้หรอก" "เป็นเด็กดีไม่ได้หรอก" แต่เป็น "เป็นคนธรรมดาไม่ได้ไงล่ะ!" (หัวเราะ) อาจมีคนที่คิดว่าเป็นเนื้อเพลงที่รุนแรง แต่เพราะฉันตั้งมาตรฐานของ "ความธรรมดา" เอาไว้สูง ถ้าร้องเพลงนี้ให้ฉันที่จุดหมายหลังเปิดประตูนั่นก็คงช่วยให้(ความคิดนั้น)กลับเข้าที่เข้าทางได้ค่ะ 

ฟุคุมุระ : ของฉันก็เป็น Morning Musume ตอนก่อนที่ตัวเองจะเข้าก็ดีนะคะ แต่เดิมแล้วเหตุผลที่ชอบ Morning Musume ก็เพราะถูกดึงดูดจากความมีพลังในฐานะวงนี่ล่ะค่ะ Morning Musume ในตอนนี้ ถ้าจะให้พูดก็คือจะให้ความสำคัญกับวิธีการแสดงที่ทุกคนจะทำให้เหมือนๆกัน แต่เมื่อก่อนจะมีภาพจำที่ลามไปจนถึงการแสดงเลย เช่น "คนที่ยกมือได้สูงที่สุดคือที่หนึ่ง" หรือ "คนที่ย่อตัวได้ต่ำที่สุดคือที่หนึ่ง" ฉันอยากดูเพลง "Roman~MY DEAR BOY~" แบบที่ร้องในคอนเสิร์ตประมาณปี 2004 ค่ะ ดังนั้นเลยคิดขึ้นมาว่า "อ๊ะ Morning Musume เป็นแบบนี้สินะ" และอยากนำมาใช้กับการทำกิจกรรมในปัจจุบันด้วย ต้องได้กำลังใจแน่นอนค่ะ


― ช่วยเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ประทับใจในการถ่ายทำหน่อย

ฟุคุมุระ : ฉากที่พอดึงผ้าม่านออกแล้วอาทิตย์ส่องปร๊าดเข้ามาตอนร้อง "OH YES" ก่อนเข้าท่อนฮุกของ "Mikan" ในตอนที่ 1 มันติดตามากค่ะ เราไม่ค่อยได้ร้อง "Mikan" ท่ามกลางแสดงอาทิตย์กันสักเท่าไหร่ อารมณ์ประมาณ นี่มัน "ROCK IN JAPAN FESTIVAL" หรือเปล่าเนี่ย? (หัวเราะ)

โอดะ : ฉันเพิ่งทำงานละครเป็นครั้งแรก เลยรู้สึกเหมือนทัศนศึกษาในวิชาสังคม และได้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของงานที่เรียกว่านักแสดงค่ะ ตอนที่แสดงเพื่อพวกเราทั้งที่ตัวเองไม่ติดอยู่ในกล้องเพราะกล้องหันมาทางพวกเราก็แสดงโดยใส่พลังกันแบบ 100% เลยค่ะ เลยรู้สึกว่าละครเนี่ยเป็นผลงานที่อัดแน่นไปด้วยพลังกายของคนหลายๆคนที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆค่ะ



ฟุคุมุระ มิซึกิ และ โอดะ ซากุระ เปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อ "I WISH"


―ในเพลง "I WISH" ที่แสดงในตอนที่ 10 นั้นมีข้อความแบบใดที่อยู่ในเนื้อเพลง

ฟุคุมุระ : สำหรับฉันเองก็ถูกเพลงนี้ช่วยเหลือในชีวิตมามากมาย เป็นเพลงที่ทำให้เห็นพ้องกับคำว่า "jinsei tte subarashii yo ne (ชีวิตนี่มันช่างวิเศษจริงๆเลยนะ)" ที่รวมเอาทุกอย่างไว้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขหรือเรื่องเศร้าค่ะ ไม่ได้ให้กำลังใจ และไม่ได้ส่งเสียงมาว่า "ไม่เป็นไร" แต่ช่วยให้เกิดความรู้สึกว่า "ดีแล้วที่ฉันยังมีชีวิตอยู่" ซึ่งมีพลังแตกต่างจากเพลงอื่นๆ เลยเป็นเพลงที่ชอบมากค่ะ

โอดะ : คล้ายๆกันเลยค่ะ ไม่ใช่เพลงที่มีแต่ด้านบวก แต่เป็นเพลงที่ไม่ทิ้งคนอ่อนแอเอาไว้มากเกินค่ะ ทั้งยังเป็นเพลงที่พ่อแม่เคยร้องให้ตอนพิธีจบการศึกษาโรงเรียนอนุบาลของฉัน ในตอนนั้นฉันได้ยินคำที่สุดยอดอย่าง "jinsei tte subarashii (ชีวิตช่างแสนวิเศษ)" เป็นประจำ แต่พอโตขึ้นก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่ตัวเองจะพูดเนื้อเพลงนั้นออกมาค่ะ เป็นวิธีพูดแบบที่ว่า ไม่ใช่คำอย่าง "จะมีเรื่องดีๆนะ" แต่เป็น "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็เป็นวันที่ดี" ซึ่งนั่นเป็นส่วนที่สอดคล้องมากกับญี่ปุ่นที่ประสบภัยโคโรน่า สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างไม่ได้ไร้ค่า แต่เป็นสิ่งที่ได้ค้นพบเพราะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ต่างหาก ฉันรู้สึกได้ถึงข้อความที่ว่า "hare no hi ga aru kara sono uchu ame mo furu subete itsuka nattoku dekiru sa (เพราะมีวันที่สดใส ในระหว่างนั้นก็มีฝนตก แล้วสักวันจะสามารถยอมรับทุกสิ่งได้)" ตอนร้องเพลงนี้ว่ามันมีความหมายค่ะ



สิ่งที่ทำ "เป็นบรรทัดฐาน" ในห้องแต่งตัวของ Morning Musume'22

― "ห้องแต่งตัว" ก็เป็นอีกหนึ่งคีย์เวิร์ดในผลงานครั้งนี้ ช่วยเล่าถึงสภาพห้องแต่งตัวของ Morning Musume'22 โดยทั่วไปหน่อย

ฟุคุมุระ : สนิทกันมากกว่าที่พวกแฟนๆคิดอีกค่ะ (หัวเราะ) ตั้งแต่ไม่ได้เจอกันเพราะภัยโคโรน่าก็เริ่มคิดขึ้นมาอีกรอบ เวลาที่ได้อยู่กับสมาชิกมันสนุกมากจริงๆนะคะ มีกัน 13 คนในห้องแต่งตัวก็เลยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว แต่เรามีบรรทัดฐานอยู่ว่าถ้ามีใครในนั้นเริ่มพูดถึนมาว่า "MC พยายามเข้านะ" ก็มักเอาเรื่องที่คุยกันในห้องแต่งตัวที่เอาไปใช้ในรอบจริงได้ไปใช้ค่ะ เพราะพูดกันแบบมีต้นสายปลายเหตุ โดยปกติแล้วจึงไม่มีเรื่องที่จบลงแบบไม่มีอะไรในห้องแต่งตัวของ Morning Musume'22 ค่ะ (หัวเราะ)  


―  สุดยอด! (หัวเราะ)

โอดะ : ทดสอบกันน่ะค่ะ (หัวเราะ) สมาชิกจะมีช่วงทดลองพูดว่าจะทำให้ขำได้แค่ไหนก่อนจะพูดต่อหน้าผู้ชมค่ะ แล้วก็แฟนๆอาจทราบกันแล้ว ตอนนี้รุ่น 9 ที่เป็นรุ่นก่อนหน้า คุณอิชิดะ (อายูมิ) ฉัน แล้วก็โนนากะ มิกิ รุ่น 12 มักจะพูดกันมาจนถึงตรงนี้เลยค่ะ เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วมักถูกนึกกันไปว่าจะเงียบเรียบร้อยกัน แต่พวกเด็กๆในห้องแต่งตัวจะเงียบ ส่วนฝั่งผู้ใหญ่จะอยู่กันแบบเฮฮาค่ะ (หัวเราะ)



ฟุคุมุระ มิซึกิ และ โอดะ ซากุระ เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงหลังจากซาโต้ มาซากิจบการศึกษา และวงต่อจากนี้

― ปี 2021 เป็นปีที่คุณซาโต้ มาซากิจบการศึกษาซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวง คิดว่า Morning Musume'22 ในตอนนี้ถือว่าอยู่ในขั้นไหน

ฟุคุมุระ : ตอนนี้กำลังรับสมัครสมาชิกใหม่อยู่ เลยอยู่ในช่วงที่ไม่รู้ว่าจะได้อยู่กัน 13 คนไปจนถึงเมื่อไหร่ คือตั้งแต่ซาโต้ มาซากิจังจบการศึกษาก็คุยกันว่า "ถ้าเราตั้งใจรวมตัวกันให้แข็งแกร่งจนกว่าสมาชิกใหม่จะเข้ามาได้ก็ดีนะ" มากกว่า "ค่อยๆพยายามไปด้วยกัน 13 คนนะ" ค่ะ แน่นอนว่าท่อนที่รับต่อมาจากตัวซาโต้นั้นมีอยู่มาก ส่วนที่ต้องพยายามให้มากขึ้นในการแสดงก็มีเยอะ แต่จากนี้ไป สมาชิกตั้งแต่รุ่น 12 ลงไปก็จะยิ่งพยายามให้เก่งขึ้นและแสดงสเน่ห์ของ Morning Musume'22 ที่ยังไม่เคยแสดงออกมาจนถึงตอนนี้ออกมา จึงอยากให้คาดหวังตรงนั้นค่ะ


โอดะ : Morning Musume'22 เป็นวงที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาตลอด 25 ปีค่ะ ก่อนหน้านี้คุณซึงคุ♂ เคยพูดเอาไว้ว่า "การไม่ทำให้สมบูรณ์แบบนี้แหละคือเคล็ดลับที่ทำให้ไปต่อได้เรื่อยๆ" และการผ่านช่วงพีคมาแล้วก็จบลงเหมือนการตัดริบบิ้นที่เส้นชัย ตอนนี้พวกเราทำกิจกรรมโดนมีสมาชิกชุดเดิมมาเกิน 2 ปีแล้ว เพราะอย่างนั้นแฟนๆจึงอาจมองว่ามีสมดุลย์ที่ดีมาก เลยคิดว่าตอนนี้แหละที่ต้องรับสมาชิกใหม่เข้ามา ทำลายสภาพปัจจุบัน และสร้างขึ้นมาใหม่ค่ะ ฉันว่าการคิดว่า "จะมุ่งเป้าที่สูงขึ้นไปด้วยเส้นทางสายใหม่" มากกว่าการบอกว่า "ทุกคนมาช่วยกันอุด" ช่องว่างที่คุณซาโต้ออกไปก็สมกับเป็น Morning Musume'22 ดีค่ะ



เป้าหมายในปี 2022 ของฟุคุมุระ มิซึกิ และ โอดะ ซากุระ คืออะไร


― ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกเป้าหมายในปี 2022 หน่อย

ฟุคุมุระ : ส่วนตัวนะคะ ปีนี้คือ...พลังจากสายตาละมั้งคะ

โอดะ : พลังจากสายตาเหรอ? (หัวเราะ)

ฟุคุมุระ : (หัวเราะ) หลายคนบอกว่า "มีจริตอยู่ในน้ำเสียง" ปีนี้เลยตั้งเป้าว่าจะพยายามแต่งหน้าและเพิ่มพลังจากสายตาและจริตค่ะ ถ้าแต่งหน้าแล้ว ยังไงก็จะได้พบกับความขัดแย้งในตัวเองมากมาย ในระหว่างที่คิดว่าจะทำยังไงดีก็ยิ่งอารมณ์ดีและสนุกไปกับการลงสี ส่วนโอดะ ซากุระจังจะเป็นคนมีเทคนิคในการแต่งหน้าแบบคำนวณการไล้ส่วนกระดูกและเงาค่ะ ฉันไม่มีเทคนิคแบบนั้นเลยเลยอยากพยายามเพิ่มเทคนิคการแต่งหน้าค่ะ จนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยดูการแต่งหน้าหรือศิลปินของเกาหลีเลยนะคะ แต่จากนี้ไปก็อยากศึกษาตรงส่วนนั้นและแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่ต่างออกไปจากก่อนหน้านี้ทั้งการแต่งหน้าและการแสดงค่ะ

โอดะ : ของฉันคือความสนุกสนานและให้คนอื่นสนุกสนานไปด้วยค่ะ ตัวฉันเองเป็นพวก "ต้องพยายาม" "ต้องทำ" เวลาให้คำแนะนำกับรุ่นน้องก็จะชอบเผลอพูดว่า "พยายามเข้า" อยู่เรื่อย เลยอยากเปลี่ยนวิธีพูดเป็น "คอยเชียร์อยู่นะ" หรือ "ถ้าทำแบบนี้แล้วทำแบบนี้มันสนุกนะ" น่ะค่ะ

แล้วก็ฉันได้เรียนรู้ว่าความสามารถของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันจากการทำกิจกรรมในปี 2021 ค่ะ ฉันเป็นพวกมีความสามารถหลายอย่าง ก็เลยชอบเผลอพูดกับคนรอบข้างในสิ่งที่ตัวเองทำได้ว่า "คิดว่าทำได้นะ!" อยู่เสมอ แต่ไม่ใช่แบบนั้น ฉันอยากเปลี่ยนเป็น "ถ้าลองทำแบบนี้น่าจะทำได้นะ" แทนค่ะ ถึงจะเหมือนมองในมุมของครูฝึกก็เถอะ (หัวเราะ) ใน Hello! Project เอง ตัวฉันถือได้ว่าเป็นสมาชิกที่ได้รับประสบการณ์มาแล้วในช่วงเวลาที่หลากหลายในฐานะรุ่นพี่ เลยคิดว่าต้องมีคนสืบทอดต่อก่อนที่พวกเราจะไม่อยู่ หลังจากนี้ไปเลยตั้งเป้าว่าจะแนะนำสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุขค่ะ



เคล็ดลับในการทำฝันให้เป็นจริงของฟุคุมุระ มิซึกิ และ โอดะ ซากุระ


― สุดท้ายนี้ขอคำแนะนำถึงเคล็ดลับในการทำฝันให้เป็นจริงของทั้งสองคนให้กับผู้อ่าน Modelpress ทุกคนที่ทำลังไล่ตามฝันหน่อย

โอดะ : การไม่ลืมว่าได้ทำในสิ่งที่ชอบคือสิ่งสำคัญมากค่ะ อย่างเช่น ถ้าออดิชั่นหรือสอบเข้าก็จะมองกันแค่ผลคะแนน แต่การคิดทบทวนใหม่อีกครั้งว่า "ทำไมถึงอยากเข้ามหาวิทยาลัยนั้นกันล่ะ?" หรือ "เคยคิดอยากเป็นไอดอลแบบที่มอบกำลังใจให้คนอื่นนี่นา?" นั้นสำคัญค่ะ การทำอย่างสนุกโดยไม่ลืมความรู้สึก "ชอบ" คือเคล็ดลับค่ะ

ฟุคุมุระ : ของฉันคือการรู้จักตัวเอง ไม่ว่ายังไงก็มักชอบของที่ทุกคนนิยมกัน แต่ถ้าเจอสิ่งที่เหมาะกับตัวเองอย่างเสื้อผ้า ทรงผม การแต่งหน้าแล้วก็จะยิ่งปล่อยสเน่ห์ของตัวเองออกมาได้มากขึ้นค่ะ อย่างเช่น คนญี่ปุ่นเนี่ยมักชอบเครื่องหน้าแบบที่เห็นตาสองชั้นชัดเจน แต่ฉันว่าตาสองชั้นหลบในก็มีข้อดีนะคะ พอทำอย่างนั้นแล้ว ตอนที่ได้เจอของที่เข้ากับตัวเองเข้าคือจังหวะที่เปล่งประกายสุดๆ ดังนั้นการรู้จักตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกค่ะ


― ขอบคุณมาก


Post a Comment

0 Comments