สวัสดีค่า กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการรีวิวหนังสือนิยายญี่ปุ่นนะคะ สำหรับในครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในหนังสือกองดองของเราอีกเช่นเคยค่ะ
(ภาพจาก Amazon)
ชื่อเรื่อง : 星空ロック (Hoshizora Rock)
ผู้เขียน : 那須田 淳 (Jun Natsuta)
สำนักพิมพ์ : ポプラ文庫ピュアフル (Poplar Pureful)
จำนวนหน้า : 248 หน้า
ราคา : 640 เยน + ภาษี
ทาจิบานะ เรโอะ (立花怜音) เด็กชายวัย 14 ปีที่มีแผนจะไปท่องเที่ยวยุโรปกับครอบครัวในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แต่แผนต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อพ่อของเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากต้องผ่าไส้ติ่งกระทันหันก่อนการเดินทางไม่นานนัก ด้วยความเสียดายตั๋วเครื่องบิน เรโอะจึงขอพ่อแม่เดินทางไปยังเบอร์ลินก่อน และพอพ่อออกจากโรงพยาบาลได้แล้วค่อยเดินทางไปสมทบกันทีหลัง
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เรโอะที่มีความสัมพันธ์อันดีกับทาเคมุระ ทาเครุ (竹村猛) คุณตาอายุ 90 กว่าเจ้าของบ้านเช่าที่ครอบครัวเรโอะเช่าอยู่ หรือที่เรียกกันติดปากว่าเคจิรุ (ケチル) ด้วยนิสัยขี้เหนียวของแก เนื่องจากเคจิรุนั้นเป็นคนเสนออาคารเล็กๆ ด้านหลังบ้านเป็นที่ซ้อมกีตาร์ให้กับเรโอะที่สนใจและกำลังหัดเล่นเพลงร็อค แลกกับการที่เรโอะต้องหัดดีดกีตาร์เพลง Irgendwo auf der Welt (ที่ในสักแห่งในโลกใบนี้) ให้ได้ภายในเวลาหนึ่งปี
จากการเริ่มต้นความสัมพันธ์เช่นนี้ เมื่อสนิทกันมากขึ้น เคจิรุจึงได้เล่าเรื่องสมัยที่ตัวเองเคยไปเรียนที่เบอร์ลินก่อนสงครามโลกจะปะทุขึ้นไม่นานนัก เคจิรุผู้เป็นทั้งอาจารย์และเพื่อนได้เล่าเรื่องราวของทานากะ โชเฮ (田中正平) ผู้ประดิษฐ์ Just Intonation Enharmonium ขึ้นได้สำเร็จในเยอรมัน เรื่องราวของดนตรีคลาสสิคที่ตัวเองหลงใหล รวมถึงเรื่องราวของตัวเคจิรุในระหว่างที่เรียนอยู่ในเบอร์ลินและความหลงใหลที่เขามีต่อสาวเยอรมันคนหนึ่งในโรงงานผลิตเครื่องดนตรีด้วย แต่โชคชะตาก็ไม่เป็นใจ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองได้ปะทุขึ้นในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน เคจิรุต้องเดินทางกลับญี่ปุ่นตามคำสั่ง และหลังสงครามสงบ เบอร์ลินถูกแบ่งออกเป็นฝั่งตะวันตกและตะวันออก เขาก็ไม่สามารถติดต่อกับหญิงสาวคนนั้นได้อีกต่อไป เหลือทิ้งไว้เพียงความปรารถนาของตนเองที่อยากมอบแผ่น SP เพลง Irgendwo auf der Welt ซึ่งเป็นเพลงโปรดของหญิงสาวคนนั้นและแผ่นได้ถูกทำลายไปท่ามกลางความวุ่นวายในเวลานั้นเท่านั้น
เรโอะมีกำหนดการเดินทางไปยังเบอร์ลินสองเดือนหลังจากเคจิรุเสียชีวิต เขาจึงตัดสินใจที่จะนำแผ่น SP ของเพื่อนต่างวัยไปยังเบอร์ลินเพื่อนำไปมอบให้กับคนคนนั้นของเคจิรุด้วย ในวันเดินทาง เรโอะได้เจอกับยูเรียน (Julian Engel) นักเปียโนอัจฉริยะลูกครึ่งญี่ปุ่น-เยอรมันอายุเท่ากันที่กำลังจะเดินทางไปยังเบอร์ลินเช่นกัน โดยยูเรียนได้ให้ความช่วยเหลือแก่เรโอะเป็นอย่างดี และเมื่อไปถึงเบอร์ลินแล้ว เรโอะถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้ว ครอบครัวของยูเรียนนั้นพักอาศัยอยู่ในแชร์เฮ้าส์ที่เดียวกับมาริ ลูกพี่ลูกน้องของเรโอะที่มาเรียนต่อที่เบอร์ลินนี่เอง
หลังจากนั้นกับ 4 วันในกรุงเบอร์ลินของเรโอะจึงมีเรื่องราวแห่งปาฎิหาริย์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องของลิซ่า น้องสาวต่างสายเลือดชาวญี่ปุ่นรุ่นสองที่อาศัยอยู่ในเบอร์ลินมาตั้งแต่เกิด เธอชวนเรโอะมาเล่นกีตาร์ในวงของเธอที่จะออกแสดงในงานเฟสติวัลซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายที่เรโอะจะอยู่ในเบอร์ลินพอดี หรือเรื่องราวของการตามรอยความทรงจำของเคจิรุเพื่อตามหาคนคนนั้นในความทรงจำและมอบ SP ของเคจิรุให้แก่เธอด้วย
(แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง จากทวิตเตอร์ของละครเวที)
ก่อนอื่น ต้องเล่าก่อนว่าที่เลือกเรื่องนี้มาแต่แรกก็เพราะความติ่งล้วนๆเลยค่ะ เนื่องจากเมนของเรา Niigaki Risa ได้รับบทเป็นลิซ่า นางเอกของเรื่องนี้ในลักษณะของละครเวที แถมโอบิเล่มยังมีหน้ากาคิซังพาดหราอีก เราเลยกดมาทันทีค่ะ 555 อารมณ์ว่าไปดูละครเวทีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็อยากอ่านเรื่องราวของละครเวทีที่เมนแสดงก็ยังดี ประมาณนั้นเลย แต่พอได้เล่มมาจริงๆก็ดองเอาไว้นานพอสมควร เพิ่งจะกลั้นใจหยิบมาอ่านจริงๆจังๆก็ตอนทลายกองดองนี่ล่ะค่ะ
(คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่)
โดยส่วนตัวแล้ว หลังๆมาไม่ค่อยได้อ่านนิยายวัยรุ่นแนวนี้เท่าไหร่นัก ตอนแรกที่เริ่มอ่านเลยคิดว่าคงไม่มีอะไรมากหรอกมั้ง แต่พออ่านจริงๆคือมึนค่ะ เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นก็จริง แต่เนื้อหาในเรื่องมีทั้งภาษาเยอรมัน ศัพท์เฉพาะทางดนตรี เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเบอร์ลินและนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงประวัติศาสตร์ดนตรีด้วย บอกเลยว่ามึน มึนมาก ตอนอ่านคือต้องตั้งสมาธิหนักๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆไล่อ่านไปทีละนิดสลับกับเสิร์ชกูเกิ้ลหาเพลงฟัง เสิร์ชดูเนื้อหาเพิ่มเติม ดูหน้าตาเครื่องดนตรีหรือสิ่งที่พูดถึงภายในเรื่องตามไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะพาลเบื่อเพราะไม่อินกับเรื่องที่กำลังพูดถึงเอา ด้วยความที่คนเขียนเองอาศัยอยู่ในเบอร์ลิน เรื่องราวต่างๆเลยเกิดขึ้นที่นั่นเหมือนเป็นบันทึกของตัวคนเขียนด้วยค่ะ ซึ่งถ้าเป็นคนที่เคยไปเบอร์ลินจริงๆอาจจะอินกว่านี้เพราะนึกภาพออกด้วย
ในส่วนของเนื้อเรื่องจะเนิบๆ ช้าๆ หน่อย เน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทุกตัวที่มีเรื่องราวของตัวเองมาแบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกัน ในระหว่างอ่านเราจะมีความรู้สึก nostalgic โหยหา คิดถึง และล่องลอยอยู่ในอดีตที่ไม่ใช่ของเราเอง เพลงทุกเพลงที่ล่องลอยอยู่ในเรื่องก็จะเป็นเพลงในยุค 60's 70's ที่ฟังแล้วสบายใจ ซึ่งพอเรื่องราวดำเนินไปจนถึงวันสุดท้ายที่เรโอะอยู่ในเบอร์ลิน เรื่องราวทุกอย่างที่ข้ามผ่านวันเวลาก็เปิดเผยออกมาและดำเนินไปสู่จุดสูงสุด ทำให้พออ่านจบแล้วเรารู้สึกอิ่มและมองว่าเรื่องราวเหล่านี้คือเรื่องดีๆในชีวิตของคนคนนึงที่ทำให้ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น แบบไม่ใช่นิยายวัยรุ่นจ๋าที่เน้นในเรื่องของการแสดงความรัก แต่เป็นเรื่องของกระแสความรักในหลายรูปแบบที่ข้ามผ่านกาลเวลาจนก่อให้เกิดปาฎิหาริย์ในเรื่องขึ้นมากกว่า ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เราที่ฮึดฮัดกับความยากของเนื้อหาในช่วงแรกลืมทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้น และรู้สึกว่าดีแล้วที่ได้อ่านและได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านั้นไปพร้อมกับตัวเรโอะ
สำหรับเพลงที่ใช้ประกอบในหนังสือเล่มนี้ นอกจาก Irgendwo auf der Welt ที่แปะไปด้านบนแล้วจะมีดังนี้ค่ะ (หวังว่าแปะแบบนี้คงไม่สปอยเนอะ)
Stand by Me - John Lennon
Imagine - John Lennon
I Know The Moon - Blossom Dearie
The Long and Winding Road - The Beatles
The Lion Sleep Tonight - The Tokens
Canon Rock
(ในเรื่องไม่ได้บอกเวอร์ชั่นมา เลยเอาเวอร์ชั่นนี้มาแปะค่ะ)
รวมๆ แล้ว เล่มนี้ถือเป็นอีกเล่มที่อ่านแล้วไม่ผิดหวังนะคะ ด้วยบรรยากาศต่างๆในเรื่อง พออ่านจบแล้วก็เข้าใจเลยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงถูกนำมาสร้างเป็นละครเวที เพราะบรรยากาศมันดีและเหมาะที่จะแสดงในลักษณะของละครเวทีมากจริงๆค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวเล่มหน้าค่ะ
0 Comments