สวัสดีค่า กลับมาอีกแล้วกับการรีวิวหนังสือภาษาญี่ปุ่นค่ะ ช่วงนี้ที่เห็นอัพบ่อยหน่อยเพราะเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าปีนี้จะเคลียร์หนังสือในกองดองให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ (จะได้ดองเพิ่มอีกอย่างสบายใจ แฮ่!) เลยวางแผนไว้ว่าจะอ่านเรื่องหลายๆแบบสลับกันไป อย่างพวกซีรีย์ที่มีเล่มต่อก็จะอ่านสลับกับพวกหนังสือเล่มเดียวจบ หรือสลับกับหนังสือดองที่มีออกเวอร์ชั่นแปลภาษาไทยไปแล้วแต่เรายังไม่ได้อ่าน จะได้ไม่ทิ้งช่วงในการมาอัพบล็อกให้มันห่างเกินไปด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้เราเคลียร์กองดองได้ด้วยนะคะ 5555
สำหรับหนังสือรอบนี้เป็นอีกเล่มที่อยู่ในกองดองของ Kindle Unlimited เรามาสักพักแล้วค่ะ เป็นนิยายแนวแฟนตาซีไลท์โนเวลที่เราโหลดมาดองไว้ นั่นคือเรื่องนี้ค่ะ
(ภาพจาก Amazon)
ชื่อเรื่อง : 芦屋ことだま幻想譚 (Ashiya Kotodama Gensoutan)
ผู้เขียน : 石田 空 (Sora Ishida)
สำนักพิมพ์ : マイナビ出版 (Mynavi Publishing)
จำนวนหน้า : 212 หน้า
ราคา : 673 เยน
คิตามุระ อาคาเนะ (北村茜) ทำงานเป็นแม่บ้านรับจ้าง (ハウスキーパー) ได้รับมอบหมายงานจากทางบริษัทที่ตัวเองสังกัดอยู่ให้ไปทำงานที่บ้านของสุโอ โนโซมุ (蘇芳望) นักเขียนนิยายที่อยู่ในเมืองอาชิยะ (芦屋) ในจังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นย่านที่มีบ้านหลังใหญ่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยต้นยุคเมจิไปจนถึงบ้านแบบโมเดิร์น แถมยังเงียบสงบบนภูเขาสำหรับคนมีเงินเข้าไปอยู่อาศัยกัน ซึ่งในตอนแรก ความรู้สึกของอาคาเนะที่มีต่อสุโอคือเขาเป็นคน "แปลกๆ" ที่จ้างแม่บ้านมาช่วยดูแลบ้านทั้งที่ตัวเองอยู่บ้านแทบจะตลอดเวลาซึ่งกลับกันกับคนส่วนใหญ่ที่จ้างแม่บ้านเพราะตัวเองยุ่งจนไม่มีเวลากลับมาดูแลบ้านกัน แถมจากที่เธอได้ยินตอนสุโอคุยกับกองบรรณาธิการที่ขอให้ช่วยแก้ไขเนื้อหาในเรื่องที่เขียน ทำให้เธอแอบคิดว่าทำไมนักเขียนแปลกๆที่ดูท่าจะขายไม่ออกคนนี้ถึงอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในย่านคนรวยแบบนี้ได้กันนะ
เมื่อทำงานไปสักพัก วันหนึ่งก็มีตำรวจมาขอพบกับสุโอ ตอนแรกอาคาเนะตกใจว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงมีตำรวจมาหานายจ้างเธอถึงบ้าน แต่อาคาเนะก็ได้ทราบจากสุโอหลังจากนั้นว่านายตำรวจคนนั้นมาด้วยธุระที่เกี่ยวข้องกับ "งานเสริม" ของเขาต่างหาก และเขาจะต้องออกไปทำงานข้างนอกสักพัก ถ้าอาคาเนะทำงานบ้านและเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้วก็สามารถกลับก่อนได้เลยโดยไม่ต้องรอเขากลับบ้าน
หลังจากนั้นไม่นานนัก อาคาเนะก็ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแก๊งค์ต้มตุ๋นโอเระโอเระ (กลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกคนทางโทรศัพท์โดยการสุ่มโทรศัพท์ไปในบ้านที่มีคนแก่หรืออยู่คนเดียว และแกล้งบอกว่า ผมเองๆ (โอเระๆ) เพื่อหลอกให้คนแก่คิดว่าเป็นลูกหลานตัวเองแล้วโอนเงินให้) ที่กำลังระบาดในช่วงนี้ และยังมีเรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้ต่อเนื่องประหลาดๆ ในละแวกนั้นอีก แต่อาคาเนะก็ได้แค่เก็บความสงสัยไว้และทำงานต่อไปตามปกติ จนวันหนึ่ง เธอทำงานเสร็จเรียบร้อยและตั้งใจว่าหลังเลิกงานจะเดินไปซื้อโคร็อกเกะชื่อดังจากโรงแรมแถวสถานี แต่ในระหว่างทางนั่นเอง เธอก็เจอเข้ากับเหตุการณ์ไฟไหม้เข้าอย่างจังจนตกใจทำอะไรไม่ถูก และคนที่โผล่มาในตอนนั้นคือสุโอ นายจ้างของเธอ พร้อมกับกางหนังสือที่มีหน้ากระดาษว่างเปล่าในมือหันไปทางที่ไฟไหม้ ทันใดนั้นเอง ไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ก็ถูกดูดเข้าไปในหนังสือประหลาดเล่มนั้น และหน้ากระดาษที่เคยว่างเปล่าก็มีภาพทานุกิที่มีไฟอยู่บนหลังปรากฏขึ้น
อาคาเนะงงและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูก สุโอเลยพาเธอไปที่คาเฟ่แถวสถานีและเล่าให้ฟังถึงเรื่อง "งานเสริม" ของเขา นั่นคืออาชีพ "ผู้ใช้อำนาจแห่งถ้อยคำ (言霊遣い)" นั่นเอง โดยสุโอได้อธิบายให้อาคาเนะฟังว่า ไฟประหลาดที่เธอได้เห็นเมื่อสักครู่นั้นคือ 言禍 (genka) ที่หมายถึงอำนาจเร้นลับที่แฝงอยู่ในถ้อยคำที่คนเราใช้กันโดยไม่ได้คิดอะไร สามารถสร้างความเสียหายในลักษณะที่เป็นรูปธรรมได้ และ 言禍 จะมาในรูปแบบที่อิงจากนิทานปรัมปราต่างๆ ซึ่งผู้ใช้อำนาจแห่งถ้อยคำก็คือผู้ที่คอยปราบ 言禍 ที่ออกอาละวาดเหล่านี้นั่นเอง และสุโอก็เป็นผู้ใช้อำนาจแห่งถ้อยคำในลักษณะของการดูดเอา 言禍 เข้ามาในหนังสือและวิเคราะห์ดูว่า 言禍 นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เพื่อสืบหาต้นตอและแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ทำให้ในหลายครั้งที่เกิดคดีหรือเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น ตำรวจจึงเข้ามาขอความช่วยเหลือจากสุโอเพื่อสืบสวนและจัดการในส่วนของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในคดีนั้นๆ
สาเหตุที่เกิด 言禍 ขึ้นนั้นเป็นเพราะมนุษย์เราไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีพลังที่แฝงอยู่ในถ้อยคำของตัวเอง และไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดหรือเขียนออกไปนั้นได้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง ตราบใดที่ตัวคนพูดไม่ใช่คนมีชื่อเสียงหรือนักเขียน เราก็คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรออกไปก็ได้ และคิดว่าก็เป็นเรื่องทั่วไปที่ไม่สำคัญ เพราะคนเราไม่รู้ว่าในถ้อยคำนั้นมีความรู้สึกของมนุษย์สถิตย์อยู่ในนั้น และเมื่อมันมีพลังมากพอ ผลสุดท้ายจึงออกอาละวาดเป็นเหตุการณ์แปลกๆอย่างที่ได้พบนั่นเอง
ถึงตัวเอกของเรื่องนี้จะเป็นแม่บ้านสาวกับนักเขียนหนุ่มก็ตาม แต่ในเล่มนี้ไม่มีเรื่องรักๆใครๆเลยค่ะ เนื้อเรื่องจะเล่าจากมุมของอากาเนะซะเยอะ มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับงานแม่บ้านบ้าง บางจุดอาจจะมีที่อ่านแล้วรู้สึกว่าพล็อตโฮลบ้าง แต่คิดซะว่าเป็นนิยายแฟนตาซีที่เซ็ตติ้งหลวมๆ ก็พออ่านไปเรื่อยๆได้อยู่ การดำเนินเรื่องเหมือนอ่านการ์ตูนเลยค่ะ แบบอ่านบทบรรยายแล้วภาพการ์ตูนเด้งขึ้นมาในหัวเป็นช่องๆเลย แต่ที่ยากสำหรับเราคือศัพท์ในเล่มค่อนข้างยาก ด้วยความที่เป็นเรื่องแฟนตาซี ศัพท์หลายตัวเป็นคำที่คนเขียนประดิษฐ์ขึ้น หลายคำเป็นศัพท์ทางพระพุทธศาสนา และหลายคำเป็นศัพท์ที่เราไม่คุ้นคันจิเลย (ซึ่งอันนี้คงเป็นเราเองที่ความรู้ไม่มากพอ) เวลาอ่านก็จะสะดุดบ่อย แต่ยังดีที่อ่านในคินเดิลก็เลยเปิดศัพท์ได้ไม่ยากเท่าไหร่
ตอนอ่านเรื่องนี้เรามีพยักหน้าหงึกๆตามในหลายส่วนของเนื้อเรื่องเลย คือส่วนตัวค่อนข้างเห็นด้วยกับที่ตัวสุโอพูดถึงอิทธิพลและพลังที่แฝงอยู่ในถ้อยคำ เราคิดว่าของเหล่านี้มีจริงนะคะ (แต่ไม่ใช่ในลักษณะแบบเดียวกับในเรื่อง) ไม่ว่าจะเป็นคำพูด บทความหรือในโซเชียลมีเดียต่างๆ ล้วนมีอิทธิพลทั้งแบบที่มองเห็นและมองไม่เห็นทั้งต่อตัวเองและต่อคนอื่นด้วยกันทั้งสิ้น
ทุกวันนี้เราติดต่อสื่อสารกันด้วยคำพูด ยิ่งกับคำพูดในเน็ตนี่พอคิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเราเป็นใครก็ยิ่งใส่กันแรงๆ ด่าแรงๆ หรือโจมตีกันแรงๆ โดยไม่สนใจฝ่ายที่รับสารว่าจะรู้สึกยังไง ซึ่งสิ่งเหล่านี้โดยปกติแล้วเราจะไม่ทำต่อหน้าอีกฝ่ายในโลกจริงกันใช่ไหมคะ แต่พอสื่อสารผ่านถ้อยคำอย่างเดียวไม่เห็นตัวกัน กลายเป็นว่าเราคิดว่าตัวเองมีอำนาจ จะทำอะไรก็ได้ โดยลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา มีความรู้สึกนึกคิดและเจ็บปวดได้จากคำที่เราพ่นไปโดยไม่คิดอะไรได้เหมือนกัน อย่างน้อยที่สุด เราว่าผู้เขียนก็พยายามสื่อจุดนี้ออกมาในเรื่องนี้ได้ดีมากค่ะ
อีกเรื่องที่ค่อนข้างส่วนตัวคือ ไม่รู้ทำไม อ่านเล่มนี้แล้วหลับง่ายมากค่ะ ฮือออ ไม่ใช่เรื่องไม่สนุกนะ แต่เหมือนอ่านแล้วไม่ค่อยมีสมาธิ อ่านแล้วแปปๆหลับตลอด ไม่เข้าใจตรงนี้เหมือนกัน ให้เดาคือส่วนนึงน่าจะเพราะศัพท์ไม่คุ้นเคยเยอะ พอต้องตั้งสมาธิเพ่งศัพท์เพ่งความหมายก็เลยเหนื่อยกับการอ่านง่ายกว่าปกติหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่กับรีวิวเล่มหน้าค่ะ ถ้าคิดเห็นยังไงก็มาคอมเม้นต์หรือพูดคุยกันได้นะคะ
0 Comments