สวัสดีค่า กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่ได้อ่านไปเช่นเคยนะคะ สำหรับคราวนี้จะค่อนข้างแปลกไปจากหนังสือที่เคยเขียนมาไปสักนิดนึง เพราะรอบนี้เป็นนิยายโวคัลลอยด์ (ボカロ小説) หรือนิยายที่เขียนขึ้นโดยอิงต้นฉบับจากเพลงโวคัลลอยด์นั่นเองค่ะ อาจะเป็นการนำเรื่องราวจากในเนื้อเพลงมาขยายความขึ้นบ้าง แต่งขึ้นโดยมีเซ็ตติ้งที่ขยายเพิ่มจากเนื้อเพลงบ้าง ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับทางผู้เขียนค่ะว่าจะให้เรื่องไปในแนวทางไหน
สำหรับเรื่องที่เราจะมาเขียนถึงวันนี้เป็นนิยายที่มีต้นฉบับมาจากเพลง シリョクケンサ (Shiryoku Kensa หมายถึง วัดสายตา) ของ 40mP โวคัลลอยด์โปรดิวเซอร์ที่ใครต่อหลายคนน่าจะรู้จักกันดีนั่นเองค่ะ
โดยฉบับนิยายนี้ได้คุณชาโน ( シャノ) อุไตเตะและภรรยาของ 40mP ซังเป็นคนเขียนเนื้อเรื่อง และได้คุณทามะ (たま) มาเป็นผู้วาดภาพปกและภาพประกอบในเล่มด้วยค่ะ โดยเนื้อหาในฉบับนิยายนี้จะไม่ได้อิงจากเนื้อเพลงโดยตรง แต่เป็นเรื่องราวเบื้องหลังของ สุซุกิ โชเฮ ก่อนที่จะมาเป็นอย่างในการ์ตูน... ใช่ค่ะ เรื่องนี้มีการ์ตูนที่เป็นเนื้อเรื่องอ้างอิงจากเพลงนี้ด้วย มี 3 เล่มจบ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเราไม่ได้ไปตามอ่านการ์ตูนตรงนี้นะคะ ถ้าใครที่ได้อ่านแล้วก็มาแชร์กันได้นะคะว่าเนื้อหาในการ์ตูนเกี่ยวข้องกับเนื้อเพลงมากน้อยแค่ไหน ยังไงบ้าง
เรื่องราวของสุซุกิ โชเฮ (鈴木翔平) หนุ่มน้อยมัธยมปลายผู้โชคร้ายเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็กด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินที่พ่อเขาเป็นกัปตันขับเครื่องบินลำดังกล่าว ทำให้ครอบครัวถูกสังคมตัดสินและประณามว่าเป็นเพราะความประมาทของพ่อเขาจึงทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากต้องเสียชีวิตไป จนเขาและแม่ที่เป็นครูในโรงเรียนประถมต้องย้ายออกจากที่อยู่เดิมไปอยู่อีกที่หนึ่งเนื่องจากถูกผู้ปกครองเคลมกับทางโรงเรียนมาว่าไม่อยากให้ครอบครัวของฆาตกรเป็นคนสอนลูกของพวกเขา โชเฮเลยเติบโตขึ้นมาโดยมีแม่เป็นผู้เลี้ยงดูเขาแต่เพียงคนเดียวเพราะครอบครัวและญาติทุกคนต่างตัดญาติขาดมิตรกับแม่และโชเฮจากเหตุการณ์นั้น และเพราะต้องอาศัยอยู่กับแม่แค่สองคน โชเฮเลยมีสกิลการทำงานบ้านต่างๆ โดยเฉพาะงานครัวเพื่อช่วยเหลือแม่ที่เจ็บป่วย และเหตุการณ์เหล่านั้นก็ทำให้เขาปิดใจ ไม่คิดจะสนิทสนมกับใคร ยิ่งพอเข้ามัธยมปลายก็คิดแค่ว่าที่นี่เป็นที่เรียนหนังสือเฉยๆ ไม่ได้คิดที่จะมีเพื่อนหรือเข้าหาใคร รวมถึงไม่มีความฝันในอนาคตเป็นพิเศษด้วยว่าอยากเป็นอะไร
แต่หลายอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่โชเฮคิด อย่างน้อยก็มีซาเอกิ เคนตะ (佐伯健太) เพื่อนในห้องที่คอยเข้ามาทักทายและพยายามชวนโชเฮคุย รวมถึงกับคนในร้านวัตสัน ร้านกาแฟเจ้าประจำที่โชเฮเข้าไปทำงานพิเศษอยู่ก็มีมาสเตอร์และมาเอโนะ คาสุมิ (前野香澄) หลานสาวของมาสเตอร์ที่อายุมากกว่าโชเฮ 4 ปีผู้มีฝันอยากจะเป็นปาติซิเย่เข้ามาทำงานพิเศษร่วมกัน ทั้งยังมีเรื่องการผ่าตัดของแม่ที่รออยู่อีก เมื่อความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างประเดประดังเข้ามาในคราวเดียว โชเฮจึงได้เริ่มเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์และพยายามรับมือกับทุกสิ่ง
ในช่วงแรกของการพัฒนาความสัมพันธ์ คาสุมิได้เข้ามาทักทายและช่วยโชเฮเลือกหนังสือจะเอาไปให้แม่ก่อนการผ่าตัด ทำให้ทั้งสองคนเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น รวมถึงกับเคนตะที่คอยเข้ามาถามไถ่จนสุดท้ายโชเฮก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่ิองที่อยู่ในใจให้กับเคนตะฟัง จนกระทั่งการผ่าตัดของแม่เป็นไปได้ด้วยดี หลายๆอย่างในชีวิตของโชเฮก็เริ่มเปลี่ยนไป เขามีความสุขมากขึ้น ได้คบกับคาสุมิ ได้เรียนรู้ถึงความใส่ใจและอารมณ์ของตัวเองที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อนจากการปรึกษากับเคนตะ แต่ทว่า ความสุขเหล่านั้นก็อยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อโรคของแม่ที่เคยผ่าตัดไปแล้วครั้งหนึ่งกลับมากำเริบอีกครั้ง...
เรื่องนี้เล่าจากมุมมองของตัวเอกสุซุกิ โชเฮเป็นหลัก ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆแล้วคือเรื่องราวเดาง่ายมากค่ะ พออ่านไปสักพักแล้วจะรู้เลยว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นไปในลักษณะไหน ไม่มีความตื่นเต้นหรือหักมุมให้ลุ้นระทึก เรื่องราวความสุขกับความเศร้าจะขึ้นๆลงๆเป็นจังหวะที่เดาได้ไม่ยาก อารมณ์เหมือนเวลาอ่านการ์ตูนตาหวานหรือนิยายแจ่มใสที่รู้เลยว่าเดี๋ยวเหตุการณ์จะพลิกไปเป็นแบบนี้ แล้วก็จะดีขึ้นแบบนี้ แล้วเดี๋ยวก็จะแย่ลงแบบนั้น ประมาณนั้นเลย แล้วคาแรคเตอร์ตัวละครแต่ละตัวเรียกได้ว่าแบนราบมากๆ คนดีก็คือคนดี คนที่เข้ามาแบบมีจุดประสงค์แปลกๆก็อ่านปุ๊ปรู้ปั๊ป เหมือนตัวละครทุกตัวมีหน้าเดียว ที่พอเห็นพัฒนาการก็มีแค่ตัวโชเฮคนเดียว (เพราะเราอยู่กับเค้าเยอะที่สุด) แต่พัฒนาการที่ว่าก็น้อยนิดซะจนจะเรียกว่าได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นก็ไม่ขนาดนั้น คือเติบโตขึ้นด้วยเวลาและประสบการณ์ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดหรือตระหนักรู้ขึ้นมาเพราะเหตุการณ์ที่ได้เจอ ฉากไคลแม็กซ์ต่างๆ จะเรียกว่าสุดก็ไม่สุด ดีใจก็ไม่ได้กรี๊ดกร๊าด เศร้าก็ไม่ได้เรียกให้น้ำตาไหล และแก่นเรื่องเบา เล่าไปเรื่อยตามเวลาอย่างเดียว สำหรับเราเลยค่อนข้างจะเฉยมาก
จริงๆแล้วเราดองนิยายเล่มนี้ไว้นานมากแล้วค่ะ แบบซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนจะไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งในตอนนั้นเราก็พยายามจะอ่าน แต่จนแล้วจนรอดก็อ่านไม่จบสักทีและดองมาจนถึงปัจจุบัน เลยต้องอาศัยแรงฮึบในการเริ่มอ่านใหม่อีกครั้ง และด้วยความที่เราเองเลิกอ่านหนังสือแนวนี้ไปหลายปีมากๆ แล้วเพราะอ่านแล้วไม่อินเหมือนสมัยก่อน ทำให้ต้องใช้แรงใจพอสมควรที่จะอ่านให้จบ คือถ้าพูดตรงๆ มันน่าเบื่อมากสำหรับเราในตอนนี้ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าคาแรคเตอร์แบนราบ เรื่องราวเดาได้ทะลุตั้งแต่แรก มันเลยไม่ตรงจริตเราเท่าไหร่ แต่ถ้ามองอีกแง่ว่ามันเป็นนิยายสำหรับแฟนเพลงที่มาเสริมเติมแต่งจักรวาลให้สมบูรณ์มากขึ้น และคนเขียนเองก็ไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพที่หลอกเราได้อยู่หมัดขนาดนั้นก็คงจะพอหยวนๆได้อยู่
ในส่วนของภาษาเราว่าอ่านง่ายมาก ด้วยความที่เป็นเรื่องราวทั่วไปในชีวิตประจำวัน เลยไม่มีศัพท์แสงอะไรแปลกๆมาให้งง สำนวนก็ไม่ยาก อาจมีบางช่วงที่ต้องดูเพิ่มบ้างนิดหน่อยอย่างเช่นตอนอธิบายเรื่องโรคของแม่โชเฮ แต่โดยรวมแล้วคือจุดยากน้อยมากค่ะ ซึ่งเราว่าถ้าใครที่ชอบเรื่องดราม่าวัยรุ่น วัยว้าวุ่นหน่อยน่าจะอ่านเรื่องนี้ได้เรื่อยๆ เบาๆ ไม่มีปัญหาค่ะ
ช่วงนี้เราพยายามจะเคลียร์หนังสือในกองดองอยู่ มีทั้งเล่มที่ซื้อไว้นานแล้วและบางเล่มที่ดองไว้จนมีแปลไทยเรียบร้อยแต่เราก็ยังไม่ได้อ่านเล่มญี่ปุ่น ซึ่งก็ต้องเคลียร์ตรงนั้นด้วย โดยเราตั้งใจไว้ว่าเล่มที่มีแปลไทยแล้วเรามาตามอ่านเล่มญี่ปุ่นทีหลังจะไม่เขียนลงในบล็อกนี้นะคะ แบบอยากเขียนในส่วนของเล่มที่ยังไม่มีแปลไทยมากกว่า แต่ถ้ามีเล่มไหนน่าสนใจหรือกำลังอ่านเล่มไหนอยู่ เราจะอัพลงในทวิตเตอร์เป็นระยะๆ รวมถึงเล่มที่มีแปลไทยแล้วเพิ่งมาตามอ่านด้วยนะคะ ถ้ายังไงก็เข้ามาพูดคุยกันได้เสมอค่ะ แน่นอนว่าก็จะพยายามอ่านเล่มที่มีและมาอัพบล็อกนี้ให้บ่อยขึ้นเท่าที่จะทำได้ด้วย
แล้วพบกันใหม่กับรีวิวเล่มหน้านะคะ
0 Comments