[Review] 京洛の森のアリス

 

     สวัสดีค่า กลับมาพบกันอีกเช่นเคย กลายเป็นว่าพอปลายปีปุ๊ปก็เริ่มขยันอ่านหนังสือขึ้นมาเฉยๆ ซะอย่างนั้นหลังจากดองหนังสือไว้กองโตเลย คราวนี้กลับมากับเล่มที่เราซื้อมาดองไว้พักใหญ่มากแล้วอย่าง 京洛の森のアリス (Kyouraku no Mori no Alice) หรืออลิซในป่าเคียวราคุ อีกหนึ่งผลงานจากคนเขียนเรื่อง แมวนักพยากรณ์แห่งร้านกาแฟจันทร์เต็มดวง (満月喫茶店の星詠み) ที่เพิ่งมีหนังสือแปลไทยออกมาไม่นานนี้ค่ะ ซึ่งถ้าใครอ่านเรื่องแมวนักพยากรณ์ฯ จบแล้ว น่าจะเคยเห็นชื่อเรื่องนี้ผ่านๆ ตาจากบันทึกนักเขียนท้ายเล่มกันอยู่ เราเองพอเห็นชื่อเรื่องนี้ท้ายเล่มก็เลยรู้สึกว่าเป็นโอกาสดีในการทลายกองดองแล้วล่ะ (ฮา)


(ภาพจาก Amazon)

ชื่อเรื่อง : 京洛の森のアリス (Kyouraku no Mori no Alice)
ผู้เขียน : 望月 麻衣 (Mochiduki Mai)
สำนักพิมพ์ : 文春文庫  (Bunshun Bunko)
จำนวนหน้า : 303 หน้า
ราคา : 650 เยน + ภาษี 


     ในเล่มนี้พูดถึงเรื่องราวของชิโระคาวะ อลิซ (白川ありす) เด็กสาวอายุ 15 ปีที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของน้าสาวในแถบโทโฮคุ เนื่องจากพ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากเหตุการณ์คนขับหลับในพุ่งเข้าชนรถของครอบครัวเธอเมื่อสมัยยังเด็ก แต่ครอบครัวของน้าสาวเองก็ไม่ได้ร่ำรวย ยิ่งรับอลิซมาอยู่ด้วยแล้วก็ยิ่งอัตคัต ซ้ำร้ายสามีของน้าก็ยังเป็นคนสำมะเลเทเมาและยังชอบทำร้ายจิตใจของอลิซอยู่เสมอ ที่พึ่งพึงทางใจทางเดียวของอลิซจึงมีแค่หนังสือและร้านหนังสือแถวบ้านเท่านั้น

     จนกระทั่งอลิซจบมัธยมต้น สามีของน้าได้ประกาศว่าเขาจะไม่ส่งอลิซเรียนต่อม.ปลาย ทำให้อลิซเสียใจมาก และตัดสินใจจะไปเป็นไมโกะฝึกหัดในเกียวโต บ้านเกิดของเธอที่เธอเคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่เมื่อครั้งยังเด็กดีกว่าจะยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไป และอีกเหตุผลหนึ่งคือเธอจะได้กลับไปเจอกับเร็น (連) เด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลเหมือนชาวต่างชาติแสนลึกลับที่เธอเคยพบบริเวณแม่น้ำคาโมะและเล่นด้วยกันตลอดฤดูร้อน ทั้งยังสัญญาว่าจะแต่งงานกันเมื่อ 9 ปีก่อนด้วย ที่ผ่านมาอลิซกัดฟันใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านน้าสาวโดยมีความทรงจำเกี่ยวกับเร็นเป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจ และเวลานี้เธอก็เลือกที่จะกลับไปยังเกียวโตที่เธอคิดถึงแล้ว

     การเดินทางไปเกียวโตของอลิซนั้นในตอนแรก เธอคิดว่าเธอคงต้องใช้เงินเก็บทั้งหมดที่เธอมีไปกับการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ทางเกียวโตนั้นมีรถมารับเธอถึงบ้านและพาเธอไปยังเคียวราคุ (京洛 ตามศัพท์หมายถึงเมืองหลวง หรือ เกียวโต) พร้อมด้วยตุ๊กตากบที่นั่งอยู่ด้านหน้าและตุ๊กตากระต่ายขาว แต่เมื่อรถมาถึงยังเกียวโตจริงๆ เกียวโตนั้นกลับแปลกประหลาดไปจากเกียวโตที่เธอเคยรู้จัก มีแผนที่ที่ดูแปลกๆ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ผู้คนในเมืองมีหาง ตุ๊กตากบและกระต่ายขาวที่มาด้วยกันก็กลับมีชีวิตขึ้นมา กระต่ายขาวแนะนำตัวกับเธอว่าชื่อ นัตสึเมะ (ナツメ) และกบชื่อฮาชิสุ (ハチス) และในตอนนี้เอง อลิซก็ได้รู้แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่เกียวโตที่เธอเคยอาศัยอยู่ในสมัยเด็ก

     ในตอนแรก อลิซไปฝากตัวที่โมมิจิยะ (紅葉屋) ในย่านกิองโคบุเพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นเกไมโกะ (芸舞妓) กับโมมิจิผู้เป็นอาจารย์ โดยมีทาจิบานะ สาวทานุกิเป็นเพื่อน ซึ่งอลิซเองก็มีความสุขกับชีวิตในเคียวราคุดี เพราะตอนนี้เธอไม่มีญาติพี่น้องที่เธอห่วงในโลกเก่าอีกแล้ว จะมีก็แต่ความเสียใจว่าเธออาจจะไม่ได้พบกับเร็นอีก ในระหว่างที่อยู่ที่นี่ อลิซมักถูกดุอยู่เสมอว่าเธอเต้นรำแบบใช้หัวไม่ได้ใช้หัวใจ อลิซเองพยายามที่จะเรียนรู้แต่ก็ยังไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็นเสียทีเพราะใจเธอไม่ได้อยากเป็นไมโกะแต่แรกอยู่แล้ว คิดเพียงแค่ว่านี่เป็นทางเดียวที่เธอจะอยู่ที่นี่ได้จึงได้ทำ จนกระทั่งถึงช่วงงานเทศกาลมิยาโกะโอโดริ (都をどり) เกไมโกะที่ได้รับเลือกจะได้เต้นรำต่อหน้าพระพักต์ของราชวงศ์ถวายแด่เทพเจ้าที่จะลงมาสถิตย์ และในปีนี้ โมมิจิเองก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนางรำด้วย

     ในวันงานเทศกาลนั้น ในช่วงเช้า อลิซได้เห็นหน้าขององค์รัชทายาทองค์โต (大太子殿下) ที่เสด็จมาในงานนี้ด้วย อลิซตกใจมากที่ใบหน้าขององค์รัชยายาทบนหลังม้านั้นคือเร็น คนที่เธอคิดถึงมาโดยตลอดนั่นเอง แต่ไม่ว่าอลิซจะร้องเรียกเท่าไหร่ องค์รัชทายาทก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมามองที่เธอเลย ทำให้เธอนึกเสียใจและอยากหาโอกาสที่จะได้พบหน้ากับองค์รัชทายาทจังๆ สักครั้ง

     แต่แล้ว ในคืนนั้นก่อนที่จะถึงเวลาแสดง อลิซโดนแสงจากเทพเจ้าที่เสด็จลงมาจากสวรรค์จนกลายเป็นคนแก่ และโมมิจิก็ได้เข้ามาพูดคุยกับอลิซว่าเธอจะอยู่ที่โมมิจิยะต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เพราะอลิซเองไม่ได้อยากเป็นไมโกะ และที่เคียวราคุแห่งนี้ไม่ต้องใช้เงิน แต่ทุกคนต้องทำงาน และงานที่ว่านั้นต้องเป็นงานที่ตัวเองอยากทำจากใจจริงๆ เท่านั้น หากหลอกตัวเอง ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ก็จะไม่สามารถอยู่ในเคียวราคุแห่งนี้ได้ ดังนั้นอลิซที่พยายามฝืนจะเป็นไมโกะมาตลอดจึงต้องออกจากที่แห่งนี้ไปก่อนจะสายเกินแก้ และหนทางในการแก้ไขความแก่เฒ่าที่อลิซได้รับจากการสัมผัสรัศมีเทพนั้นคืออลิซต้องหา "งานในฝัน" หรือสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ ให้เจอ



     เรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซีเบาๆ อารมณ์การ์ตูนจิบลิ มีเรื่องภูติผี พาราเรลเวิร์ล และบรรยากาศแบบญี่ปุ่นเก่าๆผสมกัน ค่ะ เรื่องราวเล่าจากมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่โฟกัสไปที่อลิซคนเดียว ดังนั้นเราจะไม่ได้รู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นนอกจากอลิซ การดำเนินเรื่องในช่วงที่เอื่อยเพราะอลิซกำลังเวิ่นเว้อถึงเร็นก็จะช้า แต่ในช่วงที่เรื่องไปเร็วก็จะเร็วมากๆ เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในบาลานซ์ที่ดี เร่งในส่วนที่ควรเร่ง และช้าในส่วนที่ควรช้า เหมือนเราได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับอลิซในป่าเคียวราคุแห่งนี้ ปมปริศนาต่างๆ เกี่ยวกับเคียวราคุที่ช่วงแรกไม่เข้าใจก็จะค่อยๆ คลี่ออกมาทีละนิดจนหมดในตอนสุดท้าย พอจบเล่มแล้วสามารถตัดจบที่เล่มเดียวได้เลย ไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มต่อก็ได้

     ในเรื่องของภาษา ด้วยความที่เป็นแฟนตาซีผสมความญี่ปุ่น ภาษาเรียกได้ว่าอ่านไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก อย่างในช่วงแรกที่อลิซอยู่ในกิองโคบุก็จะเจอภาษาเกียวโตเยอะหน่อย ในช่วงของการอธิบายเกี่ยวกับป่าเคียวราคุก็จะมีศัพท์เกี่ยวกับภูติผี โลกทั้ง 6 รวมถึงศัพท์อื่นๆ ที่ค่อนข้างเฉพาะตัวด้วย ในช่วงแรกที่อ่านอาจจะลำบากตรงส่วนนี้นิดนึง แต่ถ้าเริ่มชินและอ่านติดลมแล้วก็จะไปได้ยาวๆ เช่นกันค่ะ

     ก่อนหน้านี้เราซื้อเรื่องนี้มาเพราะดูเป็นแนวแฟนตาซีเบาๆ น่าสนใจ ปกสวย ก็เลยหยิบมาก่อนแล้วก็เก็บเอาไว้ซะนาน ซึ่งตอนนี้ที่เราหยิบมาอ่านคือหนังสือออกมาจนถึงเล่ม 3 แล้วค่ะ ส่วนเราเองดองไว้ถึงแค่เล่มสอง แต่พออ่านจบก็คงต้องไปสั่งเล่ม 3 เพิ่มแล้วล่ะนะ อีกอย่างคือพอเราเก็บแบบเล่มมาแล้วก็อยากเก็บเล่มให้ครบทั้งชุด ถึงแม้ว่าซื้อ E-Book จะง่ายกว่ากันมากก็ตาม ถ้าใครสนใจสามารถหาอ่านได้ทั้งทาง Amazon Kindle หรือสั่งที่ร้านคิโนะได้เช่นกันนะคะ


     แล้วพบกันใหม่เล่มหน้าค่ะ



Post a Comment

0 Comments