[TRANS]【AAAぴあ】MEMBER INTERVIEW 05 Atae Shinjiro


     สวัสดีค่ะ ในที่สุดก็ถึงบทสัมภาษณ์ของเมนเราเสียที (ฮือออออ) ตอนแรกสุดเราตั้งใจไว้ว่าจะลงบทสัมภาษณ์ของชินให้ทันวันเกิดตัวเองตอนต้นเดือน แต่ไปๆมาๆคืองานเข้าแรงมาก แถมหลังวันเกิดยังมีคอนเสิร์ตทริปเอและตารางต่ออีกยาว สุดท้ายเลยได้มาลงวันนี้แทนค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเราแปลบทสัมภาษณ์ของชินเป็นหลักมาตลอด เลยค่อนข้างคุ้นกับสำนวนการตอบคำถามของชินแล้ว ทำให้แปลไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ (แต่ก็มีหลายช่วงที่มึนไปเหมือนกัน)

     สำหรับภาพประกอบมาจากเว็บ http://realsound.jp ค่ะ ในส่วนของการแปลเรายังเน้นแปลตามความเข้าใจของตัวเองและพยายามปรับให้ภาษาอ่านง่ายและลื่นไหลมากที่สุดนะคะ ถ้ามีข้อติชมยังไงก็ยินดีรับฟังเสมอค่ะ^^


10 ปีจนถึงตอนนี้ และอีก 10 ปีหลังจากนี้

AAA ทั้ง 7 คนได้ผ่านปีที่ 10 และมุ่งสู่เวทีต่อไปและก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น ซึ่งในจุดเปลี่ยนนี้เราจะมองย้อนถึงงานในอดีตที่ผ่านมาอีกครั้ง “10 ปีจนถึงตอนนี้ และอีก 10 ปีหลังจากนี้” จะเป็นการเล่าแบบเปิดเผยอย่างหมดเปลือกของแต่ละคน ทั้งการพบกันกับดนตรี ออดิชั่น การฝึกซ้อมอันหนักหน่วง เดบิวต์ และจุดเปลี่ยนมากมายที่เข้ามาเยี่ยมเยือนหลังจากนั้นกับการมองไปยังอนาคต รวมถึงความทุกข์ทรมานหรือความขัดแย้งที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในฐานะเพอร์ฟอร์แมนซ์กรุ๊ปหนึ่งเดียว ซึ่งอยากให้ได้ฟังกันถึงความรู้สึกของสมาชิก AAA ที่สามารถเล่าให้ฟังได้ในเวลานี้


【AAAぴあ】MEMBER INTERVIEW 05
Atae Shinjiro
  


メンバーはパートナーであり“戦友”みたいな感じ
(สมาชิกคือพาร์ทเนอร์ที่ให้ความรู้สึกเหมือน “เพื่อนร่วมสาบาน”)

**ห้ามนำบทแปลไปโพสต์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต**


---ก่อนอื่น อยากถามตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับดนตรีของอาตาเอะซัง ตอนที่เริ่มสนใจดนตรีเป็นครั้งแรกคือ?
   ในกรณีของผมไม่ใช่เพลง แต่ผมได้ดู CM ของโรงเรียนสอนเต้นทางโทรทัศน์แล้วก็คิดว่าน่าสนุกดี ก็เลยขอให้พ่อแม่พาไปครับ ตอนนั้นประมาณป.5 ได้ ผมเล่นเบสบอลด้วย แต่ก็ชอบการเต้นมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ผ่านการออดิชั่นตอนชั้นม.3 ส่วนที่เริ่มสนใจเพลงขึ้นมาก็ตั้งแต่ตอนเริ่มเข้าฝึกครับ

---เคยได้ยินว่าได้รับอิทธิพลมาจาก DA PUMP ด้วย ชอบศิลปินแบบไหนกัน
   DA PUMP ก็ด้วยครับ แล้วผมก็ศึกษาการเต้นจากบรรดาคนที่ร้องเพลงและเต้นไปได้ด้วยอย่าง Janet Jackson แล้วเลียนแบบครับ ที่ผมรวมพลังกับทุกคนแสดงในงานแสดงซึ่งจัดขึ้นหลายรอบในแต่ละปีที่โรงเรียนสอนเต้นนั่นก็สนุกครับ

---อย่างนี้นี่เอง แล้วเริ่มรู้ตัวว่าจะเอาดีด้านนี้ตั้งแต่ประมาณช่วงไหน
     เมื่อก่อนผมไม่สนใจวงการบันเทิงเลยสักนิด ก็เลยคิดว่าเป็นแค่ครูสอนเต้นธรรมดาก็พอครับ แต่คนรอบข้างก็บอกเสมอว่า “ไปออดิชั่นสิ” เลยเป็นอารมณ์แบบ “งั้นเอาแบบนั้นก็ได้”  ตอนที่คิดจะเข้าออดิชั่นของ avex นั้นผมคิดแค่ว่า “แค่เต้นก็พอ” ดังนั้นก็เลยว่าจะออดิชั่นแค่ครั้งเดียว แล้วก็ผ่านเข้ามาจากตรงนั้นและได้ฝึกครับ

---แล้วก็ได้รับเลือกจากในนั้นให้เดบิวต์ในฐานะ AAA
   มันนานมากแล้ว ผมจำค่อยได้ว่าตอนนั้นรู้สึกอย่างไรนะครับ คือผมเป็นประเภทไม่ค่อยนึกถึงเรื่องในอดีตเท่าไหร่ เลยรู้สึกว่าสมาชิกที่จำได้ดีนี่สุดยอดมาก (หัวเราะ) คือแค่มันยุ่งเกินก็เลยไม่ได้ดีใจอะไร อ๊ะ นึกออกลางๆว่าเคยคิดว่า “ถ้าเดบิวต์แล้วก็จะเดินบนถนนไม่ได้แล้วสินะ” แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แบบนั้น ผมจำได้ดีเลยครับว่าตัวเองตระหนักขึ้นมาได้ว่า “อา จากตรงไปนี้คือจุดเริ่มต้นล่ะนะ”

---ความประทับในในตัวสมาชิกตอนตั้งวงเป็นอย่างไร พอผ่านมา 10 ปีแล้ว อิมเมจตรงนั้นเปลี่ยนไปหรือเปล่า
   อาจไม่ค่อยเปลี่ยนมากครับ (อุราตะ) นาโอยะคุงแน่นอนว่าเป็นหัวหน้าวง อายุมากที่สุด แล้วก็รู้สึกเหมือนเป็นพี่ชายของทุกคน นิชชี่ (นิชิจิม่า) เป็นคนที่สะดุดตามาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เลยเป็นคนที่สนุกที่จะโวยวายด้วยครับ ฮิดากะหัวดีจริงๆ แต่พอลองคุยด้วยแล้วก็เป็นคนน่ารัก ส่วนความมุ่งมั่นของ (สุเอโยชิ) ชูตะนั้นก็ไม่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อน คือชอบพูดว่า “มาพยายามไปด้วยกันเถอะ!” น่ะครับ

---สมาชิกผู้หญิงเป็นอย่างไร?
   ไม่เปลี่ยนไปเลยครับ อุโนะจังถ้ามองแวบเดียวก็จะดูเป็นคนเท่ๆ แต่กลับมีความเป็นผู้หญิงสุดๆ (อิโต) จิอากิเข้ามาเป็นคนสุดท้ายแต่ก็เข้ากับทุกคนได้ แล้วก็เป็นคนขี้กังวล

---แล้วจากมุมมองของของอาตาเอะซัง คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกด้วยกันนั้นเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร
   ช่างแรกที่เป็นวงนั้น ความรู้สึกที่ว่าเป็นคู่แข่งซึ่งต้องแข่งขันกันเองรุนแรงครับ แต่ตอนนี้แต่ละคนก็ได้ทำในสิ่งที่ชอบ แล้วต่างก็ส่งผลในด้านดีให้แก่กันและกันได้ ให้ความรู้สึกว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่เป็น “เพื่อนร่วมสาบาน” ครับ ถึงจะไม่ค่อยรู้ในด้านชีวิตส่วนตัวและไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกัน แต่ตอนที่ได้พบกันที่ทำงานก็สนุกสนาน จะเรียกว่าเป็นกลุ่มคนที่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอนในชีวิตนี้ คือเป็นความสัมพันธ์ที่มหัศจรรย์ครับ แน่นอนว่าในช่วงแรกก็มีทะเลาะกันนะครับ อ๊ะ แต่ว่า แค่กับฮิดากะล่ะมั้งที่ไม่ (หัวเราะ) คือเป็นคนที่อัธยาศัยดีที่สุดในวง ถึงจะเป็นความคิดเห็นแรงๆก็ยังสงบอยู่ได้

---การที่แต่ละคนต่างก็คอยกระตุ้นและทำกิจกรรมร่วมกันนั้น มีช่วงเวลาที่ทุกข์ใจบ้างไหม
   ช่วง 5 - 6 ปีแรกนี่สำบากจริงๆครับ ผมเดบิวต์ตอน 16 ทุกวันก็ไปกลับระหว่างสถานที่ทำงานกับบ้าน เลยแบบ “ขอวันหยุดที!” (หัวเราะ) รู้สึกว่าได้ยกช่วงวัยรุ่นให้กับ AAA ไป ทุกคนเองก็คงคิดแบบเดียวกันเลยให้ความสำคัญกับการเคลียร์เรื่องในแต่ละวันจนไม่ได้คิดถึงเรื่องในอนาคตข้างหน้าเลยครับ

---ถ้าเทียบกับตอนนั้น ตอนนี้ก็มีเวลาเหลือเฟือ
   ใช่แล้วครับ ตั้งแต่ประมาณปีที่ 7 เป็นต้นมาก็ได้วันหยุดประมาณ 1 สัปดาห์หลายครั้งในหนึ่งปี ถึงงานจะบีบคั้น แต่ก็มี “ทางหนี” ในความหมายที่ดี แน่นอนว่าผมรักงาน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่า “ถูกปลดปล่อย” เลยครับ

---จะว่าไป ช่วงพักนี่ใช้เวลาแบบไหนกัน?
   มีสมาชิกที่กลับไปพักผ่อนสบายๆที่บ้าน แต่สำหรับผมคือเที่ยวต่างประเทศครับ คือถ้าได้หยุดก็จะไปต่างประเทศทันที… ตอนนี้ก็อาศัยอยู่ต่างประเทศครับ (หัวเราะ)

---ตั้งแต่ปีนี้ก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในแคลิฟอร์เนีย อเมริกานี่นะ อยากถามถึงในส่วนนั้นด้วย
   แน่นอนว่าผมก็ยังทำกิจกรรมของ AAA ต่อนะครับ คือผมนี่อย่างไรเสียก็อยากไปอยู่อเมริกามาตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนแล้ว ตอนที่ทุกข์กับญี่ปุ่น ตอนที่เครียดสะสม ก็จะผ่อนคลายด้วยการไปเที่ยวต่างประเทศ ถึงผมจะไปมาคนเดียวหลายประเทศแล้ว แต่ที่ที่จะไปอย่างไรก็ต้องเป็นอเมริกา เพราะอย่างไรเสียถ้าจะอาศัยอยู่แล้ว ก็ต้องไม่ใช่แบบเล่นๆ ผมเลยคิดว่าจะต้องเรียนอะไรสักอย่างจริงจังแล้วก็ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สอนด้านเอนเตอร์เทนเมนต์น่ะครับ การไปๆมาๆญี่ปุ่นนี่ค่อนข้างหนักก็จริง แต่ก็ทำอย่างมีความสุขครับ



---รู้สึกว่าจะเรียนภาษาอังกฤษเองด้วยนี่นะ
   ไม่เคยไปโรงเรียนสอนสนทนาภาษาอังกฤษครับ ผมพัฒนาจากการอ่านหนังสืออ้างอิงและสื่อสารกับเพื่อนชาวอเมริกาครับ เพราะผมนิสัยค่อนข้างเฟรนด์ลี่ก็เลยได้เพื่อนทันทีแม้จะอยู่ต่างประเทศก็ตาม (หัวเราะ)

---ถึงอย่างนั้น การที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่เดบิวต์ตอนอายุ 16 ปี ทำงานยุ่งมาตลอด แล้วจู่ๆก็บินจากตรงนี้ไปอเมริกาเนี่ยมันสุดยอดเลยนะ
   แต่ว่า การทำหลายๆอย่างด้วยตัวเองนี่มันก็ไม่ได้ลำบากนะครับ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้รับแรงกระตุ้นให้ยิ่งอยากจะพยายามมุ่งหน้าออกไปยังโลกกว้าง แล้วนิสัยผมก็เข้ากับทางอเมริกามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

---หมายความว่า?
   ผมเป็นคนที่พูดออกไปอย่างชัดเจนว่า ชอบก็ชอบ เกลียดก็เกลียดน่ะครับ เพราะที่ญี่ปุ่นนั้นควรทำทุกอย่างให้คลุมเครือเอาไว้มากกว่า บางทีตัวผมเองก็เลยรู้สึกเจ็บปวดว่า “ถ้าไม่พูดออกไปคงดี” แต่ว่า ที่อเมริกานี้ ทุกคนถ้าเหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อย ถ้าอยากกลับก็กลับเลย (หัวเราะ) ตัวผมที่ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องใส่ใจแบบนั้นก็เลยรู้สึกสดชื่นดีครับ

---พอเริ่มใช้ชีวิตที่อเมริกาแล้ว มีความเปลี่ยนแปลงกับกิจกรรมของ AAA ด้วยไหม
   นั่นสินะครับ ตัวผมตอนอยู่ที่อเมริกานั้น สมาชิกทุกคนก็ทำงานเดี่ยว พอมารวมกันเป็นวงก็เหมือนได้รับแรงกระตุ้นใหม่ๆ เป็นระยะห่างที่กำลังดีครับ ทุกคนได้ใช้เวลาที่แตกต่างกัน แล้วก็มาเล่ากันว่าได้เห็น ได้ทำอะไรมา และนั่นก็เชื่อมโยงไปถึงไลฟ์ใหม่ๆด้วย ทุกคนต่างก็ได้ทำสิ่งที่พอใจไม่ใช่หรือครับ

---มีเรื่องที่บอกว่ากำลังเรียนด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ในมหาวิทยาลัย ประสบการณ์ที่อเมริกาก็น่าจะส่งผลกับ AAA ด้วยนะ
   ใช่แล้วครับ การเรียนในมหาวิทยาลัยก็ด้วย เพราะผมไปดูโชว์ที่นั่นบ่อยๆก็เลยมักคิดว่า “ถ้า AAA จัดแสงแบบนี้ก็คงดูดีนะ” บ้าง “ถ้าใส่งานประมาณนี้เข้าไปผู้ชมจะชอบใจไหมนะ” บ้างน่ะครับ

---คาดหวังมากกับกิจกรรมภายหลังจากนี้สินะ ถ้าย้อนกลับไปถึงเรื่องประวัติของ AAA ความประทับใจที่หลงเหลืออยู่มากที่สุดตั้งแต่ทำงานมาคือเรื่องแบบไหน
   แน่นอนว่าต้องเป็นไลฟ์ครับ ผมคิดทุกครั้งว่าไลฟ์มีทั้งสิ่งที่ทรมานที่สุดและมีความสนุกด้วย การซ้อมทัวร์นั้นเข้มงวดมากจริงๆ ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ แต่พอได้ขึ้นไปยืนบนเวทีปุ๊ป ได้เห็นผู้ชมที่ยินดีแล้วก็คิดจากใจว่า “ดีแล้วที่ทำ!” ใน 10 ปีนี้ก็เป็นแบบนี้มาตลอดครับ

---การเตรียมตัวกว่าจะขึ้นเวทีนี่ต้องให้พลังใจมากที่สุดจริงๆสินะ
   ใช่แล้วครับ เพราะต้องยืนอยู่บนนั้นตลอด แค่พลังกายก็หนักแล้ว แถมในหัวก็ยังต้องคิดตลอดเวลาอีก ท่าเต้นก็ต้องเก็บตัวซ้อมในห้องทุกวันเลยเหนื่อยหน่อยครับ (หัวเราะ) ไม่สิ จริงๆก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร แค่อารมณ์มันไม่แจ่มใสมากกว่า ผมเลยไปเปลี่ยนบรรยากาศอย่างไปกินข้าวกับเพื่อนครับ

---ในบรรดาสมาชิก อาตาเอะซังเป็นคนที่หาทางผ่อนคลายได้เก่งนะ
   มีคนบอกบ่อยๆครับ (หัวเราะ) คือไม่ได้คิดประมาณว่า “การที่ดาราทำงานแบบไม่หยุดพักเนี่ยเท่จัง!” ก็เลยอยากสลับบทบาทอย่างชัดเจนครับ ไม่อืดอาด สิ่งที่ควรทำก็จะตั้งใจทำให้เสร็จ หลังจากนั้นก็ไปเที่ยวเล่นแบบไม่ต้องคิดมาก ผมว่าทำแบบนั้นแล้วจะได้งานที่ดีกว่า และใส่ใจแบบนั้นอยู่เสมอครับ

---คนอเมริกาจริงๆนะ (หัวเราะ)
    ผมว่าแต่ละคนก็มีวิธีคิดต่างกันไป บางครั้งก็ปรับให้เข้ากันดีกว่านะครับ แต่ว่า ถ้าการให้สัมภาษณ์จบลงเร็วด้วยล่ะก็ บรรดาสตาฟฟ์เองก็น่าจะดีใจกันไม่ใช่หรือครับ? (หัวเราะทั้งคู่)

---เอาล่ะ มาถามเรื่องที่ควรจะถามจริงจังกันดีกว่า (หัวเราะ)ในฐานะเพอร์ฟอร์เมอร์แล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในช่วง 10 ปี
   เมื่อก่อน จะเคลียร์ตามลำดับเรื่องว่าร้องไม่ให้ผิด เต้นไม่ให้ผิดก่อน เพราะตรงนั้นเป็นจุดที่ผู้ชมเห็นครับ แต่ผมก็รู้สึกขึ้นมาว่านั่นมันผิดโดยสิ้นเชิง ช่วงแรกต้องคิดถึงผู้ชมที่มาไลฟ์ใช่ไหมครับ ทำอย่างไรแฟนๆทุกคนถึงจะมีความสุข สิ่งที่พวกเราทำได้และสิ่งที่แฟนๆทุกคนต้องการนั้น บางครั้งมันก็ไม่เหมือนกัน ในอีกแง่หนึ่งคือ เราจะทำเฉพาะสิ่งที่อยากทำไม่ได้น่ะครับ แน่นอนว่าถึงจะทำแต่สิ่งที่ผู้ชมต้องการเท่านั้นก็ตาม แต่เพราะแรงกระตุ้นมันไม่พอ ก็เลยต้องรวมพวกนั้นเข้าไปด้วย คือต้องคิดให้หนักว่า “เพื่อผู้ชม” ครับ

---อย่างนี้นี่เอง คุณภาพของการร้องและการเต้นเป็นเงื่อนไขหลัก ต้องคอยมองปฏิกิริยาผู้ชมไปด้วย ซึ่งบางทีก็ผิดความคาดหมาย บางทีก็ตรงกับความต้องการ
    ใช่ๆ ประมาณว่าสิ่งที่เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนที่คิดไว้แบบนั้นจะต้องค่อยๆเปลี่ยนไปแบบคาดไม่ถึงครับ

---เอาล่ะ ขอถามถึงเป้าหมายที่จะมุ่งไปในอีก 10 ปีให้หลัง ทั้งในฐานะวงและสิ่งที่อยากทำเป็นการส่วนตัวด้วย
   ในฐานะวงแล้ว แน่นอนว่าถ้าได้จัดไลฟ์ในสถานที่ใหญ่ๆและสมาชิกทุกคนต่างก็ทำงานเดี่ยวของตัวเองด้วยก็คงดีครับ AAA เนี่ยไม่ใช่จู่ๆก็เป็นวงที่ขายได้เลยนะครับ เพราะเป็นวงที่ผู้ชมค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละน้อย ก็เลยต้องใส่อะไรใหม่ๆเข้าไปตลอด อยากจะแสดงอย่างเต็มที่แล้วก็ทำให้ผู้ชมเรียกผู้ชมมาได้น่ะครับ ก่อนอื่น สิ่งสำคัญที่สุดที่คิดไว้ แน่นอนว่าคือการทำไลฟ์ให้ดีครับ

---แล้วในฐานะส่วนตัวล่ะ?
   มีเรื่องที่อยากทำอยู่เยอะ แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องเรียนด้วย ก็เลยอยากเห็นโลกที่ไม่เคยเห็น และทำอะไรที่แตกต่างกับคนอื่นออกไปครับ แต่ไม่ได้คิดว่าการแตกต่างจากคนอื่นนั้นเท่นะครับ อย่างพวกหนังผมก็ชอบผลงานกระแสหลักนะ คือคิดว่าจะเรียนรู้ที่อเมริกาถึงสิ่งที่แตกต่าง  ดูดซับเอาไว้ให้ดีแล้วนำส่วนดีของญี่ปุ่นมาใช้ก็คงดี เพราะฐานของกิจกรรมนั้นแน่นอนว่าคือที่ญี่ปุ่นครับ

---เมื่อใส่มุมมองที่ AAA จะยิ่งก้าวเข้าสู่ต่างประเทศแล้ว หน้าที่ของอาตาเอะซังก็คงยิ่งเพิ่มขึ้นด้วยสินะ
   อืม อย่างเช่น ให้สัมภาษณ์ตอนไปต่างประเทศหรือครับ?

---สำคัญมากเลยนะ ปี 2015 ก็จัดเอเชียทัวร์ด้วย
   มีล่ามครับ ยิ่งไปกว่านั้นที่ที่ใช้ภาษาอังกฤษก็มีแค่สิงคโปร์ ก็เลยไม่ค่อยมีคิวครับ (หัวเราะ) เพียงแต่ว่า ถ้าจะพูดเรื่องตลกแล้วทำให้แฟนๆต่างชาติหัวเราะได้ก็คงดีนะครับ จะพยายามเพื่อเวิร์ลทัวร์ครับ!



Post a Comment

0 Comments