[Review] 人間に向いてない

 

     สวัสดีค่ะ หลังจากเดือนที่แล้วหายไปพักใหญ่เพราะติดธุระส่วนตัวหลายอย่าง เดือนนี้เรากลับมาอีกครั้งกับการรีวิวหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่อ่านจบเช่นเคยนะคะ จริงๆ เล่มนี้ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะให้เป็นของเดือนที่แล้ว แต่ได้มีเวลาและแรงใจอ่านจนจบได้ก็เดือนนี้แหละค่ะ ไม่ใช่ว่าหนังสือไม่สนุกหรือไม่ดี แต่ปัญหาอยู่ที่เวลากับความรู้สึกของเราเองมากกว่า


     สำหรับเล่ม 人間に向いてない (Ningen ni Muitenai) เล่มนี้ เป็นเรื่องที่ได้รับรางวัล メフィスト賞 ซึ่งเป็นรางวัลจากทางสำนักพิมพ์โคดันฉะที่จะให้กับนิยายในหมวด Mystery, Fantasy, SF หรือเรื่องราวในหมวดประมาณนี้ ซึ่งเล่มนี้ได้รับรางวัลนี้ในปี 2018 ค่ะ สำหรับฉบับที่เราอ่านเป็นฉบับ E-Book ใน Kindle Unlimited เช่นเคย ที่เลือกมาอ่านเพราะรู้สึกว่าหลังๆ อ่านแนวไลท์โนเวลไปเสียเยอะ อยากอ่านงานที่เป็นนิยายจริงจังให้เยอะขึ้นอีกสักหน่อย บวกกับแนวเรื่องและคำโปรยน่าสนใจก็เลยเลือกมาลองอ่านดู


(ภาพจาก Amazon)

ชื่อเรื่อง : 人間に向いてない (Ningen ni Muitenai)
ผู้เขียน : 黒澤いづみ (Kurosawa Idumi)
สำนักพิมพ์ : 講談社文庫 (Kodansha Bunko)
จำนวนหน้า : 323 หน้า
ราคา : 836 เยน 



     เมื่อไม่นานมานี้ ในประเทศญี่ปุ่นมีโรคประหลาดลึกโรคหนึ่งชื่อ "異形性変異症候群 (いぎょうせいへんいしょうこうぐん; Igyou seihen ishou kougun)" หรือภาษาอังกฤษคือ "Mutant-Syndrome" อุบัติขึ้น โดยผู้ที่เป็นโรคนี้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปเป็น "อะไรบางอย่าง" ที่ไม่ใช่มนุษย์ บางคนอาจกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น เป็นแมลง เป็นสัตว์น้ำ หรือบางคนก็กลายเป็นพืชไปเลยก็มี ซึ่งโรคนี้จะเกิดกับคนวัยหนุ่มสาวช่วงอายุประมาณ 10 ปลายๆ จนถึงช่วงอายุ 20 โดยเฉพาะกับคนที่เป็นพวกเก็บตัว เป็นนีท หรือคนที่ออกห่างจากสังคมเป็นหลัก มิวแทนต์ ซินโดรมไม่ใช่โรคติดต่อ เป็นโรคที่รักษาไม่หาย และคนที่เป็นโรคนี้จะอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าสัตว์ทั่วไปเสียอีก เพราะรูปร่างจะพิกลพิการ น่าเกลียดน่ากลัว บางคนอาจยังมีอวัยวะมนุษย์บางส่วนหลงเหลืออยู่ด้วยซ้ำ ทั้งยังพูดไม่ได้ สื่อสารไม่ได้ ไม่รับรู้ต่อสิ่งใด ทางการจึงจัดให้คนที่เป็นโรคนี้นั้นอยู้ในสถานะ "ตาย" ไปจากสังคม พ่อแม่ญาติพี่น้องของผู้ที่เป็นโรคนี้ก็มักอับอาย ไม่กล้าบอกใครว่าคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ และด้วยความที่มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว หลายครอบครัวจึงเลือกที่จะเอา "สิ่งเหล่านี้" ที่เคยเป็นลูกของตัวเองไปทิ้งบ้าง ฆ่าทิ้งบ้าง เพราะการดูแลสิ่งที่สื่อสารไม่ได้แถมยังมีรูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์นั้นเรียกได้ว่าเป็น "ภาระ" ของครอบครัวดีๆ นี่เอง

     ทานาชิ มิฮารุ (田無美晴) ก็เป็นหนึ่งในผู้สูญเสีย เพราะยูอิจิ (優一) ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอที่เป็นพวกเก็บตัวเช่นกันได้กลายร่างไปเป็นอะไรบางอย่างที่มีขนาดตัวประมาณสุนัขขนาดกลาง บริเวณคางคล้ายมด ตั้งแต่หัวจรดหางคล้ายหนอนผีเสื้อ และมีขายุ่บยั่บแบบตะขาบ มิฮารุรักลูกชายคนเดียวของเธอคนนี้มาก แม้ลูกชายจะเปลี่ยนร่างไปแล้วเธอก็ยังยอมรับไม่ได้ และยืนกรานกับอิซาโอะ (勲夫) สามีของเธอที่พยายามโน้มน้าวให้เอาตัวประหลาดไปกำจัดเสียว่าเธอจะยังเก็บยูอิจิไว้ในบ้าน จะยังเลี้ยงเขาเหมือนเป็นลูกชายของเธอดังเดิม จากนั้น มิฮารุพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้เพิ่มเติม พลางคิดเสียใจว่าเธอเลี้ยงลูกผิดไปตรงไหน อย่างไร ยูอิจิถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้ แต่ในเมื่อยูอิจิกลายร่างไปแล้ว สิ่งที่เธอทำได้ในเวลานี้คือจะขอเลี้ยงดูเจ้าตัวประหลาดตัวนี้ในฐานะลูกชายต่อไปให้ดีที่สุด ชดเชยกับการที่เธอเคยละเลยเขาในตอนที่ยังไม่กลายร่าง



     โดยส่วนตัวแล้วเราชอบธีมเรื่องที่มีความไซไฟแบบนี้มาก แต่เอาเข้าจริง พออ่านๆ ไปแล้วจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายไซไฟหลุดโลก แต่เป็นแนวดิสโทเปียหน่อยๆ ที่เน้นเรื่องปัญหาในครอบครัวและเสียดสีสังคมเป็นหลักเสียมากกว่า ตัวเรื่องเล่าผ่านมุมมองของมิฮารุ แม่ของยูอิจิ บรรยายถึงความคิดของเธอว่าเธอคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ตัดสินใจอย่างไรกับเหตุการณ์เหล่านี้ ซึ่งเอาเข้าจริง เราว่าเล่มนี้ค่อนข้างสะท้อนปัญหาการเลี้ยงดูในครอบครัวที่ส่งผลกระทบไปถึงสังคม เพราะตัวมิฮารุนั้นคาดหวังในตัวยูอิจิไว้สูง เธอมียูอิจิเมื่อตอนอายุมากแล้ว ก็หวังอยากให้ยูอิจิได้เดินไปในเส้นทางที่เหมาะที่ควร จบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ ได้มีการงานทำที่มั่นคง แต่สุดท้าย สิ่งที่ยูอิจิเป็นคือเขาเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ได้ ถูกกลั่นแกล้งจนสุดท้ายต้องลาออกจากโรงเรียนมัธยมปลายกลางคันและเริ่มเก็บตัวตั้งแต่นั้นมา ซึ่งเรามองว่า "ความคาดหวัง" เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำร้ายและผลักเด็กหลายคนในสังคมไปสู่ทางตัน ไม่เหลือทางเลือกให้เขา ไม่รับฟังความต้องการของเขา จนสุดท้ายเด็กก็หมดความเชื่อถือในตัวเองและมองว่าตัวเองเป็นแค่คนไร้ค่าจนไม่อาจอยู่ในสังคมได้อีกต่อไป

     นอกจากครอบครัวของมิฮารุแล้ว เรายังจะได้ยินเรื่องของครอบครัวอื่นที่ลูกๆ กลายร่างไปด้วยเช่นกัน โดยแต่ละคนจะเปลี่ยนร่างต่างกันไป แต่สิ่งที่จับสังเกตได้มากที่สุดคือทุกครอบครัวนั้น "มีปัญหา" ภายในบ้านเป็นจุดร่วมด้วยกันทั้งสิ้น และด้วยความที่มิวแทนต์ ซินโดรมเป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มีทางรักษา หลายคนจึงอยู่ในอาการสิ้นหวัง บางคนก็ยังทำใจเลี้ยงลูกที่กลายร่างต่อไปได้ แต่หลายคนที่ทนกับการดูแลภาระที่เพิ่มขึ้นมาไม่ได้ก็เลือกที่จะกำจัดตัวประหลาดเหล่านั้นทิ้งไปเสียให้พ้นหูพ้นตา ซึ่งเรามองว่าการกลายร่าง ก็เหมือนกับการเสียดสีว่าบรรดาคนเก็บตัวหรือนีทที่เข้ากับสังคมไม่ได้เหล่านี้คือ "ภาระ" ของครอบครัวมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อรูปร่างเปลี่ยนไปจนไม่ใช่คนแล้ว การกำจัด "ภาระ" ของตัวเองและครอบครัวทิ้งไปก็ตัดสินใจทำได้ง่ายขึ้นกว่าการทอดทิ้งลูกของตัวเอง

     โดยรวมแล้ว เนื้อหาในเล่มนี้ค่อนข้าง "หนัก" ในระหว่างที่อ่านอาจต้องทำใจไว้ระกับนึงเลยว่าเรื่องค่อนข้างเครียด เล่มนี้ไม่ใช่นิยายที่บอกว่าคนโน้นคนนี้กลายร่างเป็นอย่างนี้แล้วตามหาวิธีรักษาด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ เพราะสิ่งที่ตัวละครในเรื่องทำได้ไม่ใช่การไปสืบเสาะหาวิธีรักษา แต่เป็นเรื่องของ "การทำใจ" ให้ตัวเองสามารถใช้ชีวิตอยู่กับตัวประหลาดที่เคยเป็นลูกของตัวเองต่อไปให้ได้เสียมากกว่า


     ในด้านของภาษา เล่มนี้ศัพท์ค่อนข้างยาก ด้วยความที่เป็นงานวรรณกรรมปกติ การใช้คำต่างๆ จึงสำบัดสำนวนและแตกต่างจากพวกไลท์โนเวลค่อนข้างมาก แต่ส่วนตัวแล้วอยู่ในระดับที่ยังงมไปได้เรื่อยๆ แค่ต้องเปิดศัพท์บ่อยกว่าปกติ แต่สิ่งที่บอกได้อย่างหนึ่งคือภาษาในการบรรยายมีพลัง ดึงเราให้ดำดิ่งลงไปในความรู้สึกของบรรดาแม่ๆ ทั้งหลายได้ชะงัดมาก เรียกได้ว่าเป็นความยากที่มีค่าพอจะให้พยายามอ่านต่อจนจบเล่มได้ค่ะ


     แล้วพบกันใหม่ในรีวิวเล่มหน้าค่ะ





Post a Comment

0 Comments