สวัสดีค่า กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวนิยายภาษาญี่ปุ่นนะคะ สำหรับครั้งนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นเรื่องยาวแบบน็อนสต็อปไม่มีพักกันบ้าง กับนิยายแนวสยองขวัญที่เราได้มาจากร้านหนังสือภาษาญี่ปุ่นมือสองในไทยค่ะ ท้าวความกันสักนิดว่าก่อนหน้านี้เราไปเหมาหนังสือช่วงที่ร้าน SUN BOOKS ในไทยประกาศจะปิดกิจการมากองใหญ่พอสมควรเลยล่ะค่ะ ในเมื่อจะทลายกองดองทั้งทีก็ต้องหยิบเอาหนังสือพวกนี้มาอ่านด้วย และเล่มนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเล่มประเดิมเลยก็ได้
โอคิมุระ คิโยมิ (沖村清美) นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ตัดสินใจจากบ้านที่บ้านนอกเข้ามาใช้ชีวิตคนเดียวเพราะหลงใหลในแสงสีของโตเกียว ตัดสินใจเช่าห้องพักห้องหนึ่งไว้สำหรับอาศัยโดยวาดฝันไว้ว่าอยากให้ห้องเล็กๆห้องนี้ของเธอเป็นห้องที่สดสวยสมใจเหมือนอย่างในนิตยสารการจัดบ้านทั้งหลาย นอกจากนี้ยังเริ่มทำงานพิเศษเพื่อหาเงินใช้จ่ายนอกเหนือจากเงินน้อยนิดที่พ่อแม่ส่งมาให้ด้วย
ในช่วงแรก ชีวิตใหม่ของคิโยมิดูท่าจะไปได้สวย เธอเริ่มต้นชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในโตเกียวอย่างมีความสุข ไปทำงานพิเศษ เข้าชมรม และยังแอบสนใจนิซาโตะ โยชิกิ (新里芳樹) เพื่อนผู้ชายร่วมคลาสของเธอด้วย แต่ทว่า ชีวิตของคิโยมิกลับไม่สวยสดเหมือนที่ตั้งใจไว้ เพราะเธอรู้สึกว่าในห้องที่เธออาศัยอยู่นั้นมีอะไรบางอย่างที่ "แปลกประหลาด" สร้างความรู้สึกแย่ๆให้เธอ เริ่มจากกระจกที่เหมือนจะเสีย กลิ่นประหลาดที่หาต้นตอไม่ได้ เสียงประหลาดคล้ายหนูวิ่ง หรือความรู้สึกถึงไออุ่นจากพื้นไม้เหมือนมีเคยคนนั่งอยู่ตรงนั้นและเพิ่งลุกไปไม่นานนัก และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
ความรู้สึกแปลกประหลาดเล็กๆน้อยๆ ไม่เข้าที่เข้าทางหลายอย่างเกิดขึ้นมาทีละนิดและสะสมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลกับการใช้ชีวิตของคิโยมิ เธอนอนไม่หลับ ไม่อยากกลับห้อง แต่ไม่มีใครที่สนใจรับฟังปัญหาเหล่านี้ของเธออย่างจริงจังเลยสักคน ไม่ว่าจะเล่าให้ใครฟัง ทุกคนก็จะคิดว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เพราะเมื่อมีคนเข้ามาในห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูปกติ เป็นเพียงห้องธรรมดาทั่วไป มีเฉพาะตัวคิโยมิเท่านั้นที่คิดว่าในห้องนี้ "มีอะไรบางอย่างอยู่"
คราวนี้เป็นเรื่องสยองขวัญแบบยาวรวดเดียวจบ ไม่มีแบ่งเป็นตอนสั้นหรืออะไรทั้งสิ้น ในช่วงแรกที่อ่านคือเราก็ขนลุกค่ะ 555 แบบกลัวก็กลัวนะ แต่อุตริอ่านเรื่องประมาณนี้เอาช่วงดึกๆประจำ เพราะงั้นช่วงแรกคืออ่านได้นิดเดียวก็พักเพราะหลอน บวกกับไม่ค่อยคุ้นเคยกับสำนวนภาษาและคันจิที่ถือว่ายากสำหรับเราเลยไปได้ค่อนข้างช้ามาก แต่พอพ้นช่วงแรกๆไปแล้วก็เริ่มอ่านได้นานขึ้น รู้สึกความหลอนมันน้อยกว่าช่วงแรกแบบบอกไม่ถูก แล้วปฏิกริยาของตัวเอกนี่จะมีหลายอย่างที่ค่อนข้างไม่ตรงจริตกับเราเท่าไหร่ด้วย อาจเพราะเรื่องนี้ค่อนข้างเก่าแล้ว (ออกตั้งแต่ปี 2004) บรรยากาศบางอย่างเลยก้ำกึ่งระหว่างสมัยเก่าและสมัยใหม่ เลยรู้สึกต้องฝืนตัวเองนิดนึงในการอ่านว่าเรากำลังอ่านเรื่องในช่วงต้นปี 2000 อยู่นะ หลายอย่างที่ตัวเอกทำจะทำให้เราหงุดหงิดก็ไม่แปลก อะไรประมาณนั้นค่ะ
ความหลอนในเล่มจะไม่ได้มาแบบผีตุ้งแช่ แต่จะมาแบบซึมๆ ให้รู้สึกว่าเอ๊ะ เราคิดไปเองหรือเปล่า เราตาฝาดไปหรือเปล่า บวกกับความค่อนข้างย้ำคิดย้ำทำของตัวเอกที่จะชอบย้ำว่าที่ออกมาอยู่ที่คือมายโฮมที่ใฝ่ฝัน ไม่อยากกลับไปอยู่บ้านนอก ไม่อยากโน่นนี่นั่น เลยเหมือนสงครามประสาทระหว่างอะไรบางอย่างในห้องกับตัวเอกมากกว่า เพราะตัวเอกจะย้ำกับตัวเองว่า ไม่เห็น ไม่รับรู้ จะได้อยู่ได้ แต่เอาจริงคือมันอยู่ไม่ได้ เพราะความน่ากลัวในห้องมันทำให้คิดมาก นอนไม่หลับ ต้องคอยแก้ปัญหาแปลกๆที่ไม่รู้สาเหตุมาตลอด บวกกับตัวเอกก็แทบไม่มีเพื่อน คนที่พอคุยได้ก็มีนีซาโตะคุงที่ค่อนข้างจะติดเล่น แต่นีซาโตะคุงก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ตัวคิโยมิพยายามบอกเล่าว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในห้องอยู่ดี
ส่วนตัวว่าเล่มนี้ส่วนนึงก็พูดถึงความเดียวดายในเมืองใหญ่ออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนด้วยนะคะ สำหรับใครที่ต้องจากบ้านมาและต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ สังคมใหม่ แถมเจออะไรร้ายๆประเดประดังเข้ามาในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนอีกทำให้รู้ได้ว่า ที่จริงแล้วเราโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองที่คึกคักแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีเซฟโซน ไม่มีใครที่เป็นที่พึ่งทางใจให้แบบจริงๆจังๆได้ สุดท้ายแล้วเราจะยิ่งรู้สึกอ้างว้างยิ่งกว่าอยู่บ้านเกิดที่ว่าเงียบเสียอีก ซึ่งเราว่าความโดดเดี่ยวของคิโยมิในส่วนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความ "น่ากลัว" ที่นอกเหนือไปจากความหลอนของห้องด้วยค่ะ
บทสรุปสุดท้ายจริงๆแล้วก็อยากสปอย แต่ฮึบไว้ดีกว่า 555 คือมารู้ว่าอะไรเป็นอะไรจริงๆเอาช่วงหน้าเกือบสุดท้ายเลยค่ะที่ทุกอย่างมันลงล็อกแล้ว เป็นเฉลยที่ก็เรียกว่าเฉลยได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่นัก เพราะก็ยังมีบางส่วนที่ติดในใจเราว่า แล้วมันกลายเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง มันมีปัจจัยอะไรที่ทำให้เป็นแบบนั้น โดยรวมแล้วถ้าอ่านเอาหลอน เล่มนี้ให้ได้ค่ะ แต่ไม่รับประกันว่าจะเป็นความหลอนที่ถูกใจหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆอย่างนึงคือ ถ้าใครอยู่ในห้อง 203 คนเดียวแล้วอ่านเล่มนี้ก็อาจมีสะดุ้งกันบ้างแน่นอน ความน่ากลัวของการอยู่อาศัยอยู่คนเดียวในห้องเช่าบางทีมันก็ใหญ่กว่าที่เราคิดไว้ค่ะ (และหวังว่าห้องที่คุณอยู่จะไม่กลายเป็น "ห้องกินคน" ไปนะคะ)
แล้วพบกันใหม่เล่มหน้าค่ะ
0 Comments