[Review] 教室が、ひとりになるまで

 

     สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกแล้วกับการรีวิวหนังสือนิยายภาษาญี่ปุ่น คราวนี้วนกลับมาที่หนังสือจาก Kindle Unlimited อีกครั้ง โดยเล่มนี้เป็นแนว Mystery ค่ะ ตอนแรกเราสะดุดกับชื่อหนังสือก่อนแล้วเห็นรีวิวหนังสือเยอะแยะคะแนนดีมาก เลยยืมมาลองอ่านดู สำหรับเรื่องราวในเล่มนี้จะเป็นแบบไหน มาดูไปด้วยกันเลยค่ะ


(ภาพจาก Amazon)

ชื่อเรื่อง : 教室が、ひとりになるまで (Kyoushitsu ga, Hitori ni naru made)
ผู้เขียน : 浅倉 秋成 (Akinari Asakura)
สำนักพิมพ์ : 角川文庫 (Kadokawa Bunko)
จำนวนหน้า : 283 หน้า
ราคา : 673 เยน 


     ณ โรงเรียนมัธยมปลายคิตะคาเอเดะเกิดการฆ่าตัวตายของนักเรียนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากโคบายาคาวะ โทกะ สาวสวยชั้นปีที่ 2 ห้อง B ที่ผูกคอตายในห้องน้ำโรงเรียน ต่อด้วยมุราชิมะ ทัตสึยะ นักเรียนปี 2 ห้อง A อดีตเอซของชมรมบาสเก็ตบอลก็กระโดดตึกลงมาในสนามโรงเรียน และทาคาอิ เคนยู นักเรียนปี 2 ห้อง A ที่เป็นผู้สร้างบรรยากาศในห้องก็กระโดดตึกตายตามไปเป็นรายที่สามในเวลาไม่นานนัก

     คาคิอุจิ โทโมฮิโระ นักเรียนปี 2 ห้อง A รับคำไหว้วานของอาจารย์ให้ไปเยี่ยมชิราเสะ มิซึกิ เพื่อนร่วมชั้นที่หยุดเรียนไปด้วยอาการช็อกหลังจากการฆ่าตัวตายของเพื่อนทั้งสามคน โดยทั้งคาคิอุจิและชิราเสะนั้นอยู่คอนโดเดียวกัน แถมห้องยังอยู่ใกล้กันอีกต่างหาก คาคิอุจิจึงไปเยี่ยมชิราเสะก่อนออกไปทำงานพิเศษ โดยตัวคาคิอุจิเองไม่ได้สนใจอะไรกับสามคนที่ตายไปมากนักและคิดว่าเป็นการฆ่าตัวตายทั่วไปธรรมดา แต่ชิราเสะกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอมีอาการหวาดกลัวและเล่าให้คาคิอุจิฟังว่า ที่จริงแล้ว "สามคนนั้นไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกฆาตกรรม" ต่างหาก

    ชิราเสะเล่าถึงเหตุผลที่เธอคิดเช่นนั้นว่า ในกิจกรรมนันทนาการครั้งล่าสุด นั่นคือปาร์ตี้แฟนซีที่ห้อง A และห้อง B ร่วมกันจัดขึ้นเป็นประจำนั้น มีคนที่แต่งตัวเป็นยมทูตเข้ามาหาเธอ ถามเธอว่ามีคนที่อยากฆ่าให้ตายหรือไม่ และบอกเธอว่า ที่จริงแล้วทั้งโทกะและทัตสึยะไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่มันเป็นคนฆ่าด้วยพลังพิเศษของตัวเอง และบอกชิราเสะว่า คนต่อไปที่มันจะฆ่าคือทาคาอิ เคนยู หลังจากนั้นจะมีสองตัวเลือก คนนึงคือยามากิริ โคซุเอะ และอีกคนก็คือตัวชิราเสะเอง ซึ่งตอนแรกชิราเสะเองก็ไม่เชื่อนึกว่าเป็นเพื่อนคนใดคนนึงในห้องมาล้อเล่น แต่เมื่อทาคาอิฆ่าตัวตายขึ้นมาจริงๆพร้อมกับทิ้งจดหมายลาตายว่า "ฉันส่งเสียงดังในห้องมากเกินไป จึงจำเป็นต้องปรับจูนเสียง ลาก่อน" ซึ่งเหมือนกับของสองคนก่อนหน้าเอาไว้ด้วยแล้ว ทำให้ชิราเสะเกิดความกลัวขึ้นมาจนไม่กล้าไปโรงเรียนเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ก่อนจากกัน ชิราเสะได้ขอร้องให้คาคิอุจิช่วยปกป้องไม่ให้ยามากิริ โคซุเอะถูกฆ่าด้วย

     คาคิอุจิรับฟังเรื่องราวจากชิราเสะด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ และพอเขากลับเข้าบ้านมาเขาก็ได้รับจดหมายแปลกๆฉบับนึงที่บอกว่าเขานั้นเป็น "ผู้สืบทอด" ที่จะได้รับพลังพิเศษอย่างหนึ่งที่สืบทอดกันมาในหมู่นักเรียนของโรงเรียนคิตะคาเอเดะ นั่นคือ "พลังในการจับโกหก" เนื่องจากผู้สืบทอดคนก่อนได้เสียชีวิตไปก่อนจะส่งพลังต่อให้รุ่นน้อง เขาจึงเป็นคนที่ได้รับพลังนั้นต่อมา โดยในจดหมายระบุถึงรายละเอียดของพลัง เงื่อนไขการใช้พลัง ข้อควรระวัง รวมถึงบอกด้วยว่ายังมีอีกสามคนในโรงเรียนที่มีพลังพิเศษเช่นกันซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย และพลังนี้สามารถใช้ได้เฉพาะในเขตโรงเรียนเท่านั้น ซึ่งรายละเอียดสอดคล้องกับเรื่องราวที่เพิ่งได้ฟังมาจากชิราเสะพอดี

     ในตอนแรกคาคิอุจิคิดว่าเป็นการแกล้งเล่นของใครสักคน แต่เขากลับจับโกหกคนอื่นด้วยพลังนั้นได้อย่างไม่ตั้งใจ คาคิอุจิจึงลองทดสอบดูจนมั่นใจว่าเขามีพลังพิเศษจริงๆ เพื่อหยุดยั้งการฆาตกรรมยามากิริ โคซุเอะที่ฆาตกรหมายหัวเอาไว้ เขาจึงต้องใช้พลังที่มีในการสืบหาตัวจริงของฆาตกรที่แฝงตัวอยู่ในหมู่เพื่อนห้อง A และ ห้อง B นี้


     สำหรับเล่มนี้จั่วหัวไว้ว่าเป็น 青春ミステリー หรือเรื่องลึกลับแนววัยรุ่น ซึ่งเวทีส่วนใหญ่ในเรื่องนี้จะอยู่ที่โรงเรียน ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มคนแต่ละกลุ่มในห้องเรียน อย่างเช่น กลุ่มที่ถูกฆ่านั้นเป็นกลุ่มคนที่โดดเด่น เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดกิจกรรมนันทนาการระหว่างห้อง A และห้อง B เพราะอยากให้เพื่อนทุกคนในห้องสนิทกัน ในขณะที่ตัวเอกนั้นไม่ได้อินอะไรกับกิจกรรมดังกล่าวเลยสักนิด และยังรู้สึกอึดอัดกับการเข้าร่วมกิจกรรมที่ดูเหมือนถูกบังคับอยู่กลายๆนี้ด้วย ตัวคาคิอุจิเป็นคนประเภทที่ไม่ยินดียินร้ายกับเพื่อนในห้อง เป็นประเภท introvert ที่มีโลกของตัวเอง แต่จับพลัดจับผลูต้องมาหาตัวคนร้ายก่อนที่จะมีเหยื่อเพิ่มขึ้นอีก

     เอาจริงแล้ว เราว่าเล่มนี้ค่อนข้างพูดถึงปัญหาของวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในห้องเรียนได้ค่อนข้างลึกซึ้งเลยทีเดียว มีการพูดถึงเรื่องการแบ่งชนชั้นในห้องเรียนที่คนหน้าตาดี เรียนเก่ง กีฬาเด่น มักได้รับอภิสิทธิ์ในการควบคุมคนอื่นที่ถูกจัดว่าต่ำชั้นกว่าในห้องเรียน และก็จะไล่แบบนี้ลงไปเรื่อยๆเหมือนปิรามิด ซึ่งเอาจริงก็เหมือนโครงสร้างสังคมปัจจุบัน เพียงแต่เป็นสังคมขนาดย่อมภายในห้องเรียนที่เห็นได้ง่ายและชัดเจนเท่านั้น มีการอ้างอิงทฤษฎีภาษาศาสตร์ของโซชูร์ รวมถึงเปรียบเทียบกับตำนานกรีกเรื่อง แหวนแห่ง Gyges อีกด้วย เลยรู้สึกว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นหลักที่คนเขียนอยากเน้นและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อการหาพลังที่ฆาตกรมี รวมถึงการหาวิธีพิสูจน์วิธีการฆ่าด้วย ซึ่งตัวจริงของฆาตกรนั้นเราได้รู้ตั้งแต่ช่วงบทที่สองหรือสามแล้ว แต่ถึงรู้ตัวฆาตกรเร็วก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะยังหาพลังและวิธีการฆ่าที่ฆาตกรใช้ไม่ได้นั่นเอง


     ในด้านภาษา อ่านไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเว่อร์วัง เรียกว่าอ่านไปเปิดดิคไปก็ได้อยู่ แล้วชื่อคนเยอะมากเพราะตัวละครที่เกี่ยวข้องเยอะเลยต้องจดชื่อกันลืมด้วย แต่ด้วยความที่อ่านในคินเดิลก็จะเซฟศัพท์ใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคยได้ง่ายอยู่ โดยรวมแล้วเล่มนี้ไม่ใช่นิยายสืบสวนจ๋าแบบที่มีการฆาตกรรมที่จัดการตายแบบพิศดาร มีตำรวจหรือนักสืบแบบจริงจังเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็ยังถือว่าเป็นอีกเล่มที่สนุก ลุ้นระทึกและแอบกาวใช้ได้เลยค่ะ ใครชอบแนวแฟนตาซีนิดๆ ไม่หลุดโลกจนเกินไปน่าจะสนุกไปกับเล่มนี้ได้ไม่ยากค่ะ


     แล้วพบกันใหม่ในรีวิวเล่มหน้าค่ะ


Post a Comment

0 Comments