[TRANS] Tsugi, Shibuya : koma’n Interview @ B=PASS


        กลับมาอีกครั้งกับแปลบทสัมภาษณ์ตามใจฉันค่ะ รอบนี้แปลของโคมังคุงเพราะเราชอบเพลงซิงเกิลล่าสุดมาก (เรียกว่าบ้าเพลงนี้เลยก็น่าจะได้) นั่งฟังวนลูปได้ตลอด และรู้สึกว่าเป็นเพลงที่มีความหมายซับซ้อนบ้าง ถ้าอ่านแค่เนื้อเพลงอย่างเดียวหลายๆคนอาจจะนึกไม่ออกว่าเพลงต้องการสื่อถึงอะไร (อ่านเนื้อแปลได้ที่นี่ค่ะ)
        ก่อนหน้าที่จะแปลนี่ก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะเขียนบล็อกวิเคราะห์เนื้อเพลงนี้ด้วย แต่ไปๆมาๆก็ผัดผ่อนไปเรื่อย จนคราวนี้พอหาเวลาว่างให้ตัวเองได้นิดนึงเลยตัดสินใจแปลบทสัมภาษณ์มาให้อ่านกัน อันนี้นั่งแปลเมื่อคืนนี้ประมาณ 4-5 ชั่วโมงค่ะ แปลสนุกจนลืมเวลากันเลยทีเดียว (ฮา) ส่วนตัวประทับใจน้องหลายๆอย่างอยู่แล้วด้วย
        เอาเป็นว่าไม่พูดอะไรต่อละ ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยค่ะ ถ้ามีแปลผิดอะไรก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
Divider_Stars
koma'n
koma'n interview B-PASS 2014年10月号

"Tsugi, Shibuya" (สถานีต่อไป ชิบุยะ)
ซิงเกิลแรกของ koma'n มีทำนองเพลงติดหูจนเผลอฮัมออกมาว่า ♪ชิบุยะ→เอะบิสุ→เมะกุโระ
(วางขายวันที่ 27 สิงหาคม 2014)
ตรงส่วนความเศร้าเล็กๆที่ล่องลอยอยู่นั้นช่างสมกับที่เป็นเขา?
การได้ทำสิ่งที่อยากทำที่เหลืออยู่ในเวลานี้ ยิ่งช่วยส่งเสริมให้กับงานโซโล่ได้มากยิ่งขึ้น


**ห้ามนำบทแปลไปโพสต์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต**


自発的に働いて、別の路線に乗り換えて別の道を見つけるのも
素敵なことだよという意味を込めたんです。
(เพลงนี้)ใส่ความหมายที่ว่าเรากระทำด้วยความสมัครใจ
การเปลี่ยนรถไปขึ้นอีกสายหนึ่งและค้นพบอีกเส้นทางหนึ่งนั้น
ก็เป็นสิ่งที่แสนวิเศษนะเอาไว้ครับ


※"Tsugi, Shibuya" ผลงานในครั้งนี้นั้นเป็นเพลงป๊อปที่มีทำนองติดหูจนแทบจะพูดว่า "ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ!" ทำไมถึงเลือกเพลงนี้เป็นซิงเกิลแรกล่ะ?
           "ในมินิอัลบั้ม Pastel Penguin ที่วางจำหน่ายไปเมื่อเดือนพฤษภาคมนั้น ผมอยากจะลองท้าทายกับเพลงหลายๆแนว ดังนั้นในซิงเกิลแรกก็เลยอยากจะแสดงให้เห็นถึง "ความเป็นตัวผม" แบบที่เข้าใจได้ง่ายๆน่ะครับ”


※ถึงจะเป็นเพลงป๊อปแต่ก็พอใส่เมโลดี้ที่ซับซ้อนเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึง "ความเป็น koma'n" ที่มีเทคนิคละเอียดอ่อน
          "ฮ่าๆ เพราะตัวผมเองน่ะตรงกันข้ามเลย (หัวเราะ) ในเพลงนี้ ตัวทำนองไม่ใช่แค่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นเพลงป๊อปแบบที่ผมชอบเท่านั้น ผมยังแต่งขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่าถ้าเป็นไปได้ก็จะเป็นเพลงไฮบริดจ์ที่ให้ความรู้สึกถึงเพลงร็อกน่ะครับ"


※ความติดหูของทำนองเพลงนี่เกิดจากความตรงกันข้าม และการเปรียบเทียบความรู้สึกในเนื้อเพลงที่แสดงด้วยชื่อสถานีรถไฟ ทำให้คิดว่าสมแล้วที่เป็น koma'n
         "จริงๆแล้วตอนที่นึกทำนองเพลงนี้ออกคือตอนที่อยู่ระหว่างทัวร์ของ ROOT FIVE ก็เลยไม่มีเวลาคิดเนื้อเพลงเลยครับ แต่ว่า ตอนแรกก็ต้องมีเวลาที่จะทำเพลงแบบชั่วคราวเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ก็เลยร้องแบบใส่ชื่อสถานีรถไฟสายยะมะโนะเทะเข้าไปแบบมั่วๆตอนที่กำลังสิ้นคิดน่ะครับ ปรากฏว่าพอใส่เข้าไปแล้วก็ดันถูกใจความรู้สึกของคำขึ้นมาสุดๆ! เพราะงั้นนอกจากชื่อสถานีแล้วก็เลยไม่ถูกใจอันอื่นไปเลย (หัวเราะ)"


※นั่นน่ะเป็นผลที่สุดยอดไปเลยนะ (หัวเราะ)
          "ใช่แล้วล่ะครับ (หัวเราะ) การที่ถูกใจชื่อสถานีรถไฟเนี่ยมันดีก็จริง แต่จากตรงนั้น การที่จะปล่อยเนื้อเพลงแบบนี้ออกไปให้ได้ฟังกัน จนถึงตอนนี้ก็เหมือนจะยังไม่เคยมี ก็เลยลำบากใจอยู่ครับ!"


※แหม ก็ประมาณนั้นล่ะนะ (หัวเราะ) การแต่งขึ้นมาจากเรื่องราวของรถไฟสายยะมะโนะเทะเนี่ยมันน่าจะเป็นงานที่ยากมากเลยนะ
          "พอพูดถึงรถไฟสายยะมะโนะเทะก็จะเป็นรูปวงแหวนแล้วก็วิ่งวน...ผมคิดแบบนั้นแล้วก็แต่งเรื่องขึ้น แล้วก็ยังร้องเพลงและคิดไปด้วยกันกับสตาฟฟ์ว่าถ้าไม่ใช่แค่ชิบุยะล่ะ ถ้าเริ่มจากอิเคะบุคุโระ ชินจุกุ อุเอะโนะ หรือโอซะกิแล้วจะมีภาพลักษณ์แบบไหนกันอีกด้วย ซึ่งจากผลตรงนั้นปรากฏว่าถูกใจชิบุยะที่สุดก็เลยกลายเป็นชื่อเพลง "Tsugi, Shibuya" ขึ้นมาครับ"


※พอเป็นสถานีรถไฟแล้วเนี่ย การเลือกคำ(ในเนื้อเพลง)ก็โดดเด่นนะ
          "ใช่แล้วครับ เพราะสถานีรถไฟ=รถไฟ การได้ร้องคำพวก "Tsurikawa(ห่วงจับสำหรับทรงตัวในรถไฟ)" "DAIYA(ตารางการเดินรถไฟ)" ที่ใส่เข้ามาได้แค่ตรงนี้เท่านั้นได้เข้าไปเนี่ยทำให้มันน่าสนใจครับ"


※ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเนื้อเพลงที่จะต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟของโตเกียวอย่างละเอียดด้วย นอกจากคนในโตเกียวแล้วน่าจะสื่อถึงได้ยากนะ (หัวเราะ)
          "พอลองถามคนคันไซก็โดนบอกมาว่า "ไม่เข้าใจ" ล่ะครับ (หัวเราะ)"


※ฮ่าๆๆ (หัวเราะ) เอาล่ะ เพลงนี้ในฐานะที่จะให้ได้รู้ถึงเรื่องของรถไฟสายยะมะโนะเทะ ความหมายที่ใส่ลงไปในเพลงนั้นเป็นความหมายแบบไหนกัน?
          "รถไฟสายยะมะโนะเทะเนี่ย เป็นรูปวงแหวนอย่างที่บอกไปเมื่อตะกี้ ดังนั้นก็จะวิ่งวนอยู่ในที่เดิมๆครับ ซึ่งตรงนั้นผมว่ามันคล้ายกับชีวิตของคนหนุ่มสาวทั้งหลายในตอนนี้"


※ตรงไหนกัน ช่วยอธิบายเป็นรูปธรรมหน่อยได้ไหม?
          "ญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้มีการจัดระเบียบสภาพแวดล้อมของการศึกษาอย่างเข้มงวด คนจำนวนมากก็คิดว่าการเรียนไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยนั้นเป็นเรื่องธรรมดา และนั่น หากจะพูดไปผมว่าคือรางรถไฟที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วน่ะครับ และเพราะแบบนี้ล่ะ พอขึ้นไปบนรางนั้นแล้วมันทำให้คิดว่าถ้าเราไม่วิ่งไป(ตามเส้นทางนั้น)แล้วก็จะทำอะไรไม่ได้เลยน่ะครับ"


※แน่ล่ะ ถ้าความมุ่งมั่นของตัวเองไม่เข้มแข็งพอก็จะออกจากเส้นทางนั้นมาได้ยากสินะ
         "คิดว่าต้องมีความกล้าอย่างมากเลยล่ะครับ แต่ว่า พอเปลี่ยนภาพมาเป็นรถไฟแล้วก็คิดถึงเรื่องของ "การเปลี่ยนรถ" ขึ้นมา จะเป็นเรื่องความรัก เรื่องงาน งานอดิเรก หรืออะไรก็ได้ โดยใส่ความหมายที่ว่าหากเรากระทำด้วยความสมัครใจ การเปลี่ยนรถไปขึ้นอีกสายหนึ่งและค้นพบอีกเส้นทางหนึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่แสนวิเศษนะเอาไว้ครับ"


※ไม่ว่าเรื่องอะไรถ้าไม่ออกมาจากที่ตรงนั้นก็จะไม่รู้สึกตัวสินะ
          "ใช่แล้วครับ ตอนที่ออกมาอาจจะมีที่รู้สึกว่าเส้นทางที่วิ่งมาจนถึงตอนนี้มันเคยถูกต้อง และก็ค่อยๆติดใจกับสเน่ห์ของเส้นทางใหม่ไปด้วย ผมไม่อยากให้สูญเสียหัวใจที่คิดอยากจะผจญภัยไปน่ะครับ"


koma'n 01


※ทั้งที่มีข้อความแบบนั้นอยู่แต่กลับไม่รู้สึกว่าเป็นการอบรมที่น่าเบื่อ ด้วยทำนองเพลงแบบเบาๆ ไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบกับชื่อสถานีรถไฟเท่านั้น แต่น่าจะเป็นเพราะซาวน์ที่ดูลึกลับด้วยนะ
         "ครั้งนี้อยากให้มีความเรโทรออกมาในซาวน์ด้วยก็เลยเลือกใช้ฮาร์โมนิก้าน่ะครับ"


※แปลกใหม่มาก! จะว่าไปเดี๋ยวนี้การใช้ฮาร์โมนิก้าใน J-POP นี่ก็ออกจะแปลกใหม่อยู่นะ
          "ก่อนหน้านี้ก็มีใช้ใน "Aoi Bench" ของซะสุเกะซัง "Blue Bird" ของ Ikimonogakari น่ะครับ เห็นได้ชัดเลยว่าเดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินกันแล้ว ตัวผมเองชอบสีสันของเสียงฮาร์โมนิก้ามากครั้งนี้ก็เลยลองใช้ดูครับ"


※ฮาร์โมนิก้านี่มันก็ให้ความรู้สึกเศร้าอยู่นะ
          "ใช่แล้วครับ ยิ่งไปกว่านั้นจะเก่งหรือไม่เก่ง มือสมัครเล่นก็แยกไม่ออกอยู่แล้ว (หัวเราะ) คนที่เล่นเก่งก็อาจจะแยกเสียงได้อย่างง่ายๆ คนที่เล่นไม่เก่งก็จะได้รู้ว่าตัวเองยังไม่เก่ง ด้วยความหมายแบบนั้นทำให้มันเป็นเครื่องดนตรีที่น่าสนใจครับ อย่างน้อยก็อยากให้ฮาร์โมนิก้าฮิตขึ้นมาได้ก็ดีนะ!"


※เพลงของ koma'n คุงเนี่ย เหมือนจะมีเสียงคำรามว่าชอบดนตรีรวมอยู่ด้วย(ในเพลง)เลยนะ
          "ผมอยากให้เป็นเพลงที่ติดหูและฟังง่ายสำหรับคนที่ฟังครั้งแรก สำหรับคนที่เล่นเครื่องเป่าหรือเปียโนต้องร้อง "ว้าว!" ครับ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่อยากบอกคือ ถ้าพวกคนฟังได้ฟังแล้วคิดอยากจะเล่นดนตรีขึ้นมาบ้างผมจะดีใจที่สุดเลยครับ.. ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่า ตัวผมเติบโตขึ้นมากับดนตรีคลาสสิกก็เลยแค่อยากจะแสดงออกถึงสิ่งที่อยากทำใส่เข้าไปด้วยเท่านั้นแหละครับ (หัวเราะ)"


※ความรู้สึกนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะ เอาล่ะ koma'n คุงชอบชิบุยะใช่ไหม?
           "ตอนมัธยมปลายนี่ไปด้วยความรู้สึกที่เรียกว่าหลงใหลเท่านั้นเลยครับ แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าผมเป็นหนุ่มแกลนะ (หัวเราะ) แค่ไปร้านคาราโอเกะหรือเกมเซนเตอร์ก็มีความรู้สึกเต็มอิ่มว่า "ไปชิบุยะมาแล้ว!" ครับ (หัวเราะ) แต่ตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่มาผมก็เกลียดฝูงชนเยอะๆก็เลยหลีกเลี่ยงที่จะไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นครับ (หัวเราะขื่นๆ)"


※ทั้งที่ตั้งแต่จบมัธยมปลายมาเวลาก็ไม่ได้ผ่านไปสักเท่าไหร่เลยเนี่ยนะ
          "คนเราเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลานะครับ (หัวเราะ)"


※ฮ่าๆ เอาล่ะ เพลงที่สอง "Nante Iimashou?" นี่เป็นเพลงที่ร้องคู่กับ MayuGene ซัง เพลงนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง?
          "ก่อนหน้านี้ Gene จังนี่เป็นเพื่อนที่ผมเคยคุยไว้ด้วยว่าสักวันนึงเราจะมาทำอะไรสนุกๆด้วยกันน่ะครับ จากตรงนั้นก็เลยคิดเรื่องเพลงคู่ขึ้นมา พอดีในตอนนั้นภาพยนตร์เรื่อง "ANA to Yuki no Joou"(Frozen) กำลังฮิตมาก ก็เลยสนใจมากว่าอยากจะทำเพลงคู่ที่เป็นการร้องเล่นแบบในภาพยนตร์เรื่องนั้นขึ้นมาน่ะครับ"


※จริงด้วยสินะ ตอนที่อ่านแค่เนื้อเพลงก็นึกถึงภาพของอันนาขึ้นมาเลยล่ะ
          "เพราะเป็นงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาก็เลยเป็นอย่างที่คาดนั่นแหละครับ (หัวเราะ)"


※ยิ่งไปกว่านั้น น่าตกใจมากที่เป็นเพลงที่มีความสุขแบบไม่มีความทุกข์อะไรเลย (หัวเราะ)
          "ถ้าผมแต่งคนเดียวก็แต่งเพลงที่มีความสุขแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ (หัวเราะ) ครั้งนี้ผมกับ Gene จังช่วยกันเขียนเพลงด้วยกันทั้งหมด ก็เลยน่าจะเป็นเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อนมาจนถึงตอนนี้ ตอนอัดเสียงก็ยืนล้อมไมค์ตัวเดียวแล้วก็พูดและร้องเพลงกันน่ะครับ เพราะอย่างนั้นก็เลยคิดว่าถ้าถ่ายทอดบรรยากาศความสนุกในตอนนั้นออกมาได้ก็คงดี"


※มีเรื่องที่รู้สึกขึ้นมาตอนได้ทำเพลงชายหญิงร่วมกันหรือเปล่า?
         "มุมมองความรักของหญิงชายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะงั้นการแต่งเพลงก็ลำบากพอสมควรเลยครับ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเลยว่าความรู้สึกที่เรียกว่าหึงหวงนี่มันเป็นยังไง"


※ฮ้า.....
        "ไม่ ไม่ใช่ "ฮ้า" สิ (หัวเราะ)"


※ไม่เคยหึงเลยเรอะ?
          "ผมเนี่ยตรงกันข้ามเลยก็เลยไม่เคยหึงครับ ถ้าเกิดว่าทำอะไรที่ทำให้ผมหึงขึ้นมา ก็อยากให้รู้ตัวว่าอาจต้องทำใจว่าอาจจะโดนผมเกลียดเอาก็ได้ (หัวเราะ)"


※koma'n คุงที่เป็นแบบนั้นกลับแต่งเพลงที่ใสซื่อขนาดนี้ออกมาได้เนี่ยนะ! (หัวเราะ)
          "ใช่ไหมล่ะ~(หัวเราะ) ผลงานนี้เป็นงานที่ทำร่วมกันไงล่ะครับก็เลยเป็นเพลงที่ใสซื่ิอ การได้แต่งเพลงร่วมกันทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง แล้วก็อยากจะลองทำงานร่วมกับคนหลายๆแบบครับ"


koma'n 02


※ต่อไป เพลงที่ 3 "S.K.Y" ซึ่งเป็นเพลงโคฟเวอร์ของโวคัลลอยด์ก็มีบันทึกเอาไว้ด้วย
          "เพลงนี้ผมเคยร้องเมื่อประมาณสองปีก่อนหน้านี้แล้วครับ เพราะว่าผมชอบทั้งเนื้อเพลงและคอร์ดมากก็เลยร้องเพลงนี้ออกมาได้อย่างให้ความสำคัญกับมันเต็มที่ครับ"


※เนื้อเพลงใสบริสุทธิ์เนี่ยผิดกับเนื้อเพลงที่ koma'n คุงแต่งอีกแล้วนะ (หัวเราะ)
          "ต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยครับ (หัวเราะ) เพราะผมพูดว่า "ชอบนะ" อย่างใสบริสุทธิ์แบบนี้ไม่ได้แน่!"


※ฮ่าๆ แล้วอะเรนจ์เพลงออกมาด้วยอิมเมจแบบไหนล่ะ?
         "แน่นอนว่าต้องเป็น โอฮาชิ ทรีโอซังครับ เพราะผมชอบฟังอยู่บ่อยๆมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว มีสเน่ห์มาก ผมชอบบรรยากาศเรียบๆแต่ดูดีน่ะครับ ซาวน์แบบนี้ทำออกมาแล้วอาจะไม่โดนใจเด็กม.ต้นนะครับ"


※ไม่ๆ ก็โดนอยู่นะ! 
         "มันเรียบเกินไปเนอะ แน่ๆเลย (หัวเราะ) พวกชินโอซังถ้าได้ฟังแล้วคิดว่ามันดีก็คงจะดี แล้วถ้าเด็กม.ต้นจะสนใจละก็ผมจะดีใจมากเลยล่ะครับ"


※ยิ่งไปว่านั้น ซิงเกิลครั้งนี้ก็มีเพลงที่ประณีตอยู่หลากหลายแนวเลยนะ
          "เพราะว่าเป็นซิงเกิล จริงๆแล้วก็คิดว่าจะใส่เพลงที่เป็นไปในทางเดียวกันนะครับ แต่ว่า ความอยากรู้อยากเห็นว่า "อยากจะลองทำแบบนี้ให้มากกว่านี้" ก็ชนะ สุดท้ายเลยออกมาเป็นแบบนี้ อย่าคาดหวังความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจากผมเลยนะครับ (หัวเราะ)"


※แต่ว่า คนที่รอที่จะได้ฟังเพลงหลากหลายแนวนี่ก็น่าจะมีอยู่เยอะเหมือนกันนะ
          "ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ดีใจนะ ช่วงนี้ผมทำพวกเพลงไอดอลด้วย อย่างไรก็ตามการที่ทำเพลงออกมาได้หลากหลายแนวออกมานี่มันก็สนุกอย่างช่วยไม่ได้จริงๆนะครับ ไม่แน่ว่าซิงเกิลต่อไปก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งแผ่นที่ไม่มีแนวเพลง กรุณาเฝ้ารอกันด้วยนะครับ! (หัวเราะ)"

Divider_Stars
ฤดูร้อนของ koma'n

※ฤดูร้อนปีนี้เหมือนจะยุ่งนะ?
         "ใช่แล้วครับ~ พอจบทัวร์ของ ROOT FIVE แล้วก็มี Release Event ของซิงเกิลนี้ ไม่ค่อยได้หยุดเลยล่ะครับ"


※แต่ว่า มีอิมเมจของคนชอบอยู่ในที่ร่มนะ เป็นคนที่ทนกับความร้อนได้เรอะ?
         "เพราะหมกอยู่ในห้องตลอดสินะครับ แต่ว่าผมน่ะเกิดที่นางาซากิก็เลยไม่ได้เกลียดอากาศร้อนครับ แล้วก็มีนัดแล้วว่าประมาณเดือนกันยายนหรือตุลาคมจะได้หยุดตั้ง 1 อาทิตย์แน่ะ!"


※วิเศษเลย! ตั้งใจจะทำอะไรในช่วงวันหยุดนั้นล่ะ?
          "คิดว่าจะไปโอกินาว่าครับ อยากไปเรียนซามิเซ็งที่นั่นน่ะครับ"


※น่าจะอยากเรียนมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหม?
          "ใช่แล้วครับ ผมคิดว่าถ้าเล่นเครื่องดนตรีพื้นเมืองเป็นก็คงจะดีน่ะครับ จนถึงตอนนี้ผมเล่นเครื่องดนตรีหลากหลายด้วยตัวเองได้ แน่นอนว่าซาวน์ที่ตัวเองคิดไว้ก็บรรเลงมันออกมาด้วยตัวน่าจะดีกว่าใช่ไหมครับ พอคิดว่าอยากจะอัดทุกสิ่งตามที่คิดเอาไว้ การที่ตัวเองเล่นได้นั้นมันง่ายและเร็วน่ะครับ"


※แน่ล่ะว่าที่คิดแบบนั้นก็เหมือนกับโลภนั่นแหละนะ
          "ไม่ๆ อย่างพวกกีตาร์ก็ให้มืออาชีพเล่นให้นะครับ แต่เครื่องดนตรีพื้นบ้านเนี่ยเพราะมันมีลักษณะพิเศษที่สำคัญนี่แหละ ถ้าดีดเป็นมันก็เหมือนอาวุธเลยล่ะ วันหยุดนี้จะเรียนซามิเซ็ง คิดว่าน่าจะได้เห็นกันในซิงเกิลต่อไปด้วยครับ"


※แล้วไม่ไปทะเลเรอะ?
          "ไปครับ! ผมมีแผนว่าจะไปโอกินาว่าแล้วเรียน 2 ส่วน พักผ่อน 8 ส่วน ตั้งใจว่าจะเที่ยวให้จุใจไปเลย!"





Post a Comment

0 Comments